นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BJC เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิในปี 58 จะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไร 1,679.50 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อนที่ทำได้ 44,217.47 ล้านบาท เป็นไปตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกำลังซื้อในประเทศช่วงที่เหลือของปียังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยเบื้องต้นมองว่าปัจจุบันกำลังซื้อเริ่มกลับเข้ามาจากเดิมที่ชะลอตัวไปมาก ส่งผลให้ยอดขายปรับตัวดีขึ้นและก็คาดหวังว่าจากนี้ไปก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/58 น่าจะเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทยังมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง
นายอัศวิน กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการกว่า 10 รายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการและการร่วมลงทุน โดยปัจจุบันบริษัทยังมองหาซื้อกิจการเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค และบรรจุภัณฑ์ ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าจะเห็นความชัดเจนในเร็วๆ นี้
"หลังจากที่เราไม่ได้เข้าซื้อ METRO Vietnam แล้ว ทำให้เรามีความพร้อมที่จะลงทุนด้านอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งปัจจุบันเราอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าร่วมลงทุน และซื้อกิจการใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศ เงินลงทุนเราค่อนข้างพร้อม เพราะปัจจุบันเรามีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.83 เท่า ซึ่งเรามีนโยบายที่จะรักษาไว้ไม่ให้เกิน 1.75 เท่า"นายอัศวิน กล่าว
สำหรับธุรกิจของ BJC ในต่างประเทศยังมีการเติบโตที่ดี โดยบริษัทตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50% ในปี 61-62 จากปัจจุบันอยู่ที่ 20% โดยในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะเชื่อมโยงเวียดนามทั้งในด้านการกระจายสินค้า และเพิ่มช่องทางขยายสินค้า และเมื่อช่องทางการจำหน่ายครอบคลุมแล้วก็จะพิจารณาใช้เวียดนามเป็นฐานผลิตเช่นเดียวกันกับในไทย เพื่อสร้างศักยภาพ และจะใช้เป็นฐานในการส่งสินค้าไปจำหน่ายในลาวและกัมพูชา
ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงยอมรับว่ามีผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัท เนื่องจาก BJC มีการนำเข้าบางส่วน โดยเฉพาะธุรกิจเทรดดิ้ง อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจจะไม่กระทบมากนัก เพราะมีการบริหารจัดการเรื่องความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงยังมีการเจรจากับทางผู้ค้าเพื่อปรับสกุลเงินให้เหมาะสมเพื่อลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
นายอัศวิน กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมลงทุนขยายกำลังการผลิตกระป๋องในประเทศช่วงไตรมาส 2/59 มูลค่าการลงทุนราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตอีก 960 ล้านกระป๋อง/ปี จากปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2,000 ล้านกระป๋อง/ปี