มาตรการนี้เป็นมาตรการเสริมที่ธนาคารต้องการจะช่วยให้เอสเอ็มอีมีเงินทุนในการดำเนินธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจซบเซา เพื่อช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของลูกค้าและให้ลูกค้ามีทางเลือกในการใช้วงเงินที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจ เพราะสถานการณ์เอสเอ็มอีของไทยบางกลุ่มธุรกิจยังสามารถดำเนินธุรกิจไปได้ดี ในขณะที่บางกลุ่มยังคงอยู่ในช่วงที่ต้องปรับตัวและต้องการความช่วยเหลือด้านเงินทุน
สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารกสิกรไทยหลายธุรกิจยังไปได้ดี เช่น ธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง และค้าวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะในกลุ่มที่รับงานกับภาครัฐยังมีแนวโน้มที่สดใส ส่วนธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้น ก็ยังประคับประคองตัวเองไปได้ ซึ่งคาดว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงไฮซีซั่น ในภาคอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศพบว่า สถานการณ์ไม่ได้แย่อย่างที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากสินค้ายังเป็นที่ต้องการในตลาด จึงยังขายได้อยู่ มีตลาดรองรับ แต่อาจประสบปัญหาผลผลิตตกต่ำบ้าง
นายพัชร กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พูดคุยกับเอสเอ็มอีพบว่า ปัญหาหลักของเอสเอ็มอี คือ การบริหารจัดการที่ไม่เป็นระบบ ทำให้ไม่สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ ส่งผลให้ได้กำไรไม่เต็มที่ ธนาคารจึงสนับสนุนให้นำเทคโนโลยีด้านไอทีเข้ามาใช้ในธุรกิจ โดยธนาคารมีพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำในการใช้ระบบต่างๆเพื่อบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการจัดกิจกรรมให้ความรู้ เพื่อให้ตระหนักถึงประโยชน์ของการบริหารอย่างมีระบบ
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีโครงการให้คำปรึกษารายธุรกิจเฉพาะด้าน เช่น การจัดการกระบวนการโรงงาน โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาและออกแบบวางแผนให้ แบบ 1 ต่อ 1 เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจที่ไม่มีใครเหมือนกับใคร อีกทั้งยังช่วยเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างธุรกิจเอสเอ็มอีด้วยกัน จับคู่ระหว่างเอสเอ็มอีกับช่องทางการขายกับพันธมิตรอื่นๆ และจับคู่กันเองภายในเครือข่าย โดยมีธนาคารเชื่อมโยงให้ ที่ผ่านมามีมูลค่าตัวเลขการซื้อขายในเครือข่ายแล้วกว่า 2 พันล้านบาท
ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นมิถุนายน 2558 มียอดสินเชื่อคงค้างของลูกค้าเอสเอ็มอีที่ธนาคารช่วยเหลือประมาณ 80,000 ล้านบาท และในช่วง 7 เดือนแรกของปี 58 ธนาคารมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่ (New Booking) 138,591 ล้านบาท ทำให้ยอดสินเชื่อรวม ณ สิ้นกรกฎาคม 58 อยู่ที่ 561,659 ล้านบาท เติบโต 4%