ประกอบกับบมจ.ปตท.(PTT) จะมีการเปิดประมูลก่อสร้างสถานีก๊าซ NGV เพิ่มอีกเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทฯก็อยู่ระหว่างประมูลงานดังกล่าว มูลค่ารวม 200 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ และคาดหวังจะสามารถชนะประมูลได้ทั้งหมด จากเป็นผู้ประกอบธูรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร
"แนวโน้มครึ่งปีหลังก็คาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากความต้องการใช้ก๊าซ NGV เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้ผลประกอบการทั้งปี ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ เติบโตดีกว่าปีก่อน โดยปัจจุบันเรามีสัดส่วนรายได้มาจาก การขายก๊าซ NGV 60% ,ขายรถยนต์ 25-30% และที่เหลือเป็นธุรกิจขนส่งก๊าซ CNG ซึ่งแม้ว่าจะยังมีสัดส่วนที่น้อยอยู่ แต่เชื่อว่าจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต หลังมีการขยายไปยังประเทศเวียดนามเป็นที่ที่แรก"นายฤทธี กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯก็มีแผนเข้าซื้อกิจการสถานีบริการก๊าซ NGV เพิ่ม จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 5 สถานี โดยคาดว่าจะเข้าซื้อกิจการดังกล่าวเพิ่มอีก 2 สถานี ซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจนได้ก่อนสิ้นปี 58 มูลค่ารวมราว 200 ล้านบาท ขณะที่ปี 59 ยังคงแผนซื้อกิจการสถานีบริการก๊าซ NGV อีก 5 สถานี มูลค่ารวม 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดทั้งหมด หากไม่เพียงพอบริษัทฯก็สามารถกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินได้อีกมาก จากหนี้สินต่อทุน D/E อยู่ที่ 0.4 เท่า
นอกจากนี้ในธุรกิจขนส่งก๊าซ CNG ที่มีลูกค้ารายใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากระบบลดแรงดันก๊าซธรรมชาติ (PRS) ได้บรรจุเข้าเป็นนวัตกรรมแห่งชาติ และได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อต่อยอดประสิทธิภาพของระบบจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ที่ผ่านมา สามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถขนส่งก๊าซธรรมชาติให้โรงงานอุตสาหกรรมรายใหญ่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัวภายในสิ้นปีนี้ หรือจากเดิมเฉลี่ยวันละ 1,500 ล้านบีทียูต่อวัน เพิ่มเป็น 3,500-4,000 ล้านบีทียูต่อวัน ประกอบกับธุรกิจปรับปรุงคุณภาพก๊าซ ที่จะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนต.ค.นี้เป็นต้นไป รวมทั้งจะเป็นแรงหนุนสำคัญที่จะทำให้ผลประกอบการในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้อย่างแน่นอน
พร้อมกันนี้ บริษัทได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศเวียดนาม ซึ่งถือว่าเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศ CLMV โดยได้มีการแต่งตั้งบริษัท Hanoi Liquefied Petroleum Gas Import-Export and Investment Joint Stock Company และบริษัท TROUNG THANH ELECTRONIC GAS CORPORATION เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องลดความดันก๊าซธรรมชาติให้แก่ ปิโตรเวียดนาม ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจพลังงานของเวียดนาม เพื่อนำไปใช้ให้บริการจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่อุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ก๊าซเป็นเชื่อเพลิงในการผลิตเพื่อลดต้นทุน ซึ่งเบื่องต้นได้รับความตอบรับที่ดีจากปิโตรเวียดนาม ที่ได้เริ่มสั่งซื้อเครื่องลดความดันก๊าซธรรมชาติ 2 ชุด และคาดว่าจะขายได้อีก 4 ชุด รวมเป็น 6 ชุดในสิ้นปีนี้ โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ไม่ถึง 100 ล้านบาท
นายฤทธี กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯมีความสนใจที่จะทำธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาและรอทางรัฐบาลประกาศรูปแบบการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โดยมองว่าธุรกิจโซลาร์มีความน่าสนใจและน่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการให้เติบโตได้ แต่อย่างไรก็ตามลักษณะของการลงทุนจะเป็นการก่อสร้างเอง และปฎิเสธการเข้าซื้อกิจการโซลาร์ฟาร์มที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้