โดยคาดการณ์เป็น 2 แนวทางคือ หาก FED คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0 – 0.25% ประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบ 1,390 – 1,400 จุด เนื่องจากแรงผลักดันจากการเร่งดำเนินโครงการใหญ่ภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงแรงซื้อจากการทำ Window Dressing ในไตรมาส 3/2558 ในช่วงปลายเดือนกันยายน หรือ หาก FED มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประเมินว่า SET จะปรับตัวลงจากแรงขายปรับ Position ของกองทุนต่างชาติ โดยมีแนวรับที่บริเวณ 1,340 - 1,355 จุด
ทั้งนี้ แนะนำลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยบวก กลุ่มDomestic Play ที่ได้ประโยชน์จากโครงการภาครัฐ กลุ่มอาหาร และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง กลุ่ม ICT จากความคืบหน้าในการประมูล 4G และกลุ่มพลังงาน อาทิIFEC , GUNKUL , SOLAR , SUPER และ TSE ที่ได้อานิสงส์จากข่าวคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศเกณฑ์รับซื้อไฟฟ้าโซลาร์จากส่วนราชการและสหกรณ์ 600 Mw สัปดาห์นี้และเปิดรับข้อเสนอ 1-10 พฤศจิกายนนี้
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ GBS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยตอบรับข่าวเชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นทั้งในส่วนของการเพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้าน การเร่งลงทุนในโครงการขนาดเล็ก และการเร่งเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่โดยกระทรวงคมนาคม รวมทั้งการเร่งผลักดันงบลงทุนของรัฐบาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน คาดว่าจะช่วยหนุนอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นได้
จากผลการศึกษา Sensitivity analysis จาก Macroeconomic Model ของสำนักงานเศรษฐกิจและกระทรวงการคลัง (สศค.) พบว่า การลงทุนของภาครัฐ 1 แสนล้านบาทจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ (Real GDP) ได้ 0.4% ต่อปี และการที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิมที่ 1.5% เนื่องจากมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง หนุนภาคการส่งออกในไตรมาส 4/2558
ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยลบจากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย เดือนสิงหาคมมียอดสะสมทั้งเดือน 6.5 พันล้านบาท ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีเกือบ 9.3 หมื่นล้านบาททั้งนี้ การประชุมคณะกรรรมการ FOMC ธนาคารกลางสหรัฐซึ่งจะทราบผลในเช้าวันศุกร์ที่ 18 กันยายนว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่จะมีผลต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายไปยังประเทศตลาดเกิดใหม่ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า FED จะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเป็นปลายปี แต่ถ้ามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้จะเป็นเซอร์ไพรส์ที่กดดันตลาดหุ้นไทย
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่าราคาทองคำทรงตัวในกรอบแคบๆก่อนปรับขึ้นแรง โดยมีปัจจัยจากกระแสการคาดการณ์ถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการFOMC ธนาคารกลางสหรัฐระหว่าง16-17 กันยายนซึ่งจะทราบผลเช้า 18 กันยายนนี้ที่ยังไม่มีความแน่นอน ขณะที่ตลาดคาดว่าเฟดอาจจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ดังนั้นประเมินว่าราคาทองที่สามารถฟื้นตัวขึ้นแรงหลังมีการพักตัวออกข้าง โดยสามารถสร้างแท่งเทียน BULLISH ที่ผ่านยืนแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันขึ้นมาพร้อมกันเกิดการหักล้างแนวลงBEARISH FLAG ขณะที่ค่าสัญญาณทางเทคนิคปรับตัวขึ้นเป็นสัญญาณบวกทำให้ราคาแนวโน้มปรับขึ้นต่อจบรอบขาลงระยะสั้นก่อนหน้า แนวรับ 1,105-1,100 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,140- 1,145เหรียญต่อทรอยออนซ์