ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการลงทุนโรงงานแห่งใหม่ในฮานอยได้ช่วงกลางปี 59 จากที่ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานในต่างประเทศ 1 แห่งในประเทศฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ บริษัทจะลงทุนโรงงานแห่งใหม่ในประเทศไทยใกล้กับโรงงานปัจจุบัน โดยมีที่ดินรองรับไว้แล้วและคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในต้นปี 59 ประเมินเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาททั้งการก่อสร้างอาคารและค่าเครื่องจักร โดยแหล่งเงินทุนนั้นบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะใช้การกู้บยืมสถาบันการเงินหรือระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายพีท กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ยังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 701 ล้านบาท แม้ว่าครึ่งปีแรกรายได้จะไม่เป็นไปตามเป้า โดยทำได้เพียง 23.82 ล้านบาท เนื่องจากยอดออเดอร์ในครึ่งปีแรกทั้งชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์และชิ้นส่วนรถยนต์ไม่ดี แต่ช่วงครึ่งปีหลังเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวกลับมาของยอดออเดอร์ฮาร์ดดิสก์ของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับ ออเดอร์ชิ้นส่วนรถยนต์ส่งออกไปยังอินโดนีเซียและสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น หลังจากอุตสาหกรรมรถยนต์ในต่างประเทศเริ่มพลิกกลับมาฟื้นตัวขึ้น ซึ่งสามารถชดเชยยอดออเดอร์ชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศที่ชะลอตัวอยู่ จากภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยมีการชะลอตัวลง
ทั้งนี้ การที่รายได้ของบริษัทมีการเติบโตขึ้นนั้นส่งผลทำให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นเป็น 10% ในปีนี้ จากปีก่อนอยู่ที่ 9.67% รวมถึงการที่ยอดออเดอร์เพิ่มขึ้นทำให้การผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนการเติบดตของอัตรากำไรสุทธิ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน (Aero Sapce)ส่งออกที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ให้อัตรากำไร(มาร์จิ้น)ดีเข้ามาสนับสนุนผลการดำเนินงาน แม้ว่าปัจจุบันจะยังมีสัดส่วนรายได้น้อย แต่เชื่อว่าในอนาคตจะทยอยปรับเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าสัดส่วนรายได้จากชิ้นส่วนรถยนต์ในปี 59 จะปรับเพิ่มขึ้นจากปีนี้อยู่ที่ 49% หลังจากภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีสัดส่วนรายได้จากการผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์อยู่ที่ 51% โดยรายได้ของบริษัทมาจากการส่งออก 47% และในประเทศ 53% ซึ่งมองว่ารายได้ต่างประเทศในอนาคตจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการขยายฐานการผลิตและฐานลูกค้าต่างประเทศ