อย่างไรก็ตาม หากการซื้อกิจการ Bumble bee ล่าช้าออกไป อาจมีการพิจารณากลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทใหม่เพื่อรักษาการเติบโตไว้
ในแง่รายได้ที่เป็นเงินบาทปีนี้ได้รับผลดีจากเงินบาทที่อ่อนค่า บาทอ่อนช่วยขยายยอดขายที่เป็นสกุลเงินบาท
"ความท้าทายของเป้ารายได้ 5 พันล้านเหรียญฯ มีสูงขึ้น เพราะเดิมคาดจะปิดดีลการเข้าซื้อกิจการ Bumble Bee ได้ในปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ซึ่งก็ตอบไม่ได้ว่าจะชัดเจนเมื่อไร ถ้าหากปิดดีลไม่ทันการเติบโตของยอดขายก็จะไม่สูงมาก 5 พันล้านเหรียญฯ ก็ท้าทาย"นายวาย กล่าว
ทั้งนี้ ในครึ่งแรกปี 58 รายได้ที่เป็นเงินบาทที่ 60,696 ล้านบาท และมีกำไร 2,919 ล้านบาท ขณะที่ทั้งปี 57 รายได้ที่ 122,893 ล้านบาท และมีกำไร 5,091 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มยอดขายในครึ่งหลังน่าจะสูงกว่าครึ่งแรก เพราะไตรมาส 3 ของทุกปีปกติจะเป็นไตรมาสที่ทำยอดขายสูงสุดของปี เช่นเดียวกับปีนี้ เพราะเป็นช่วงซัมเมอร์ของต่างประเทศ จึงเป็นซีซั่นของการขาย อีกทั้งลูกค้าส่วนใหญ่จะสั่งสินค้าเพื่อสต็อกไว้สำหรับเทศกาลคริสมาสต์หลายปี ซึ่งก็จะทำให้ทั้งยอดขายและกำลังการผลิตของบริษัทในไตรมาส 3 นี้สูงขึ้น
ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไม่รวมซื้อกิจการที่ 3,500 ล้านบาท และมีโอกาสที่จะใช้ไม่ถึง ส่วนกรณีที่หากสรุปการซื้อกิจการ Bumble bee ชัดเจน อาจต้องเพิ่มทุนอีกครั้งหรือไม่นั้น นายวาย กล่าวว่า ปัจจุบันมีระดับหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ที่ 0.68 เท่า จากเดิมที่อยู่ 0.85 เท่า และคาดสิ้นปีลดเหลือ 0.5 เท่า ซึ่งถ้า D/E ลดลงแบบนี้บริษัทก็ยังมีศักยภาพในการมีเพิ่มหนี้ใหม่ได้ โดยไม่ทำให้อัตราส่วนเปลี่ยนแปลงมาก