โดยปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์แล้วทั้งหมด 3 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตรวม 188 MW ได้แก่ โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มขนาดกำลังการผลิต 8 MW จ.ลพบุรี,โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มขนาดกำลังการผลิต 90 MW จ.นครสวรรค์ และโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิต 90 MW จ.ลำปาง ปรากฏว่าสามารถดำเนินการผลิตไฟฟ้าได้ดีกว่าที่คาดไว้ และมียอดผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2557
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดกำลังการผลิต 126 MW ที่ จ.นครศรีธรรมราช 2 โครงการ และจังหวัดสงขลาอีก 1 โครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มจ่ายไฟได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2559 ซึ่งจะส่งผลให้ในปี 2559 บริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 404 เมกะวัตต์
"ทุกอย่างยังคงเดินหน้าตามแผน ยิ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ยิ่งเร่งงานก่อสร้างที่หน้างานให้เร็วขึ้น ซึ่งแผนงานก่อสร้าง การจัดซื้ออุปกรณ์ และการจัดหาเงินทุน ทุกอย่างอยู่ภายใต้ควบคุมของทีมงานเป็นอย่างดี ไม่มีอุปสรรคหรือข้อกังวลใดๆ ทำให้มั่นใจว่า โครงการโรงไฟฟ้า ขนาด 90 MW ที่ จังหวัดพิษณุโลก และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดรวม 126 MW ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสงขลา ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างฐานรากและระบบงานโยธา จะแล้วเสร็จตามแผนงาน โดยคาดว่าบริษัทจะเริ่มมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าจากโครงการใหม่ดังกล่าวในไตรมาส 1/59 และจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานในปี 2559 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตามการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าของบริษัท"นายอมร กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2558 บริษัทตั้งงบลงทุนจำนวน 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จ.พิษณุโลก มูลค่า 8,500 ล้านบาท โรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 โครงการ มูลค่า 10,400 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,321 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 453 ล้านบาท หรือ 52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 868 ล้านบาท ปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์