BDMS แย้มแผน 5 ปีลงทุนซื้อรพ.เน้นเอเชียแปซิฟิค ดันสัดส่วนรายได้ตปท.50%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 18, 2015 14:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.ชาตรี ดวงเนตร กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ-การแพทย์ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) เปิดเผยว่า บริษัทได้วางแผนระยะยาว 5 ปี (59-63) จะมีการรุกขยายเครือข่ายโรงพยาบาลไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างการเติบโตของบริษัทในระยะยาวและรองรับการให้บริการลูกค้าต่างชาติ โดยการขยายไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกบริษัทจะมีการสร้างเครือข่ายกับโรงพยาบาลอื่นในภูมิภาคดังกล่าว รวมไปถึงการซื้อโรงพยาบาลในภูมิภาคดังกล่าวด้วย ซึ่งแหล่งเงินทุนที่จะใช้สำหรับการเข้าซื้อโรงพยาบาลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท เงินกู้สถาบันการเงิน การแลกหุ้น และการระดมเงินทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

อย่างไรก็ตาม การขยายไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50%ตามแผนระยาว 5 ปี (59-63) จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศอยู่ที่ 30% และสัดส่วนรายได้ในประเทศจะลดลงมาอยู่ที่ 50% จากปัจจุบันอยู่ที่

นพ.ชาตรี กล่าวว่า ในปี 61 จะเริ่มมีการรุกเข้าสู่ภูมิภาคเอชัยแปซิฟิกอย่างเต็มรูปแบบและจะสนับสนุนให้รายได้ในปี 61 มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ประกอบกับตามแผนระยะยาว 5 ปี นั้นบริษัทได้วางแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงพยาบาล (non-hospital) อย่างเช่น ประกันสุขภาพและร้านขายยา ให้เพิ่มเป็น 5-10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3% ซึ่งธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจที่บริหารจัดการง่ายกว่าธุรกิจโรงพยาบาลและให้มาร์จิ้นสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 18%

ทั้งนี้ ภายในสิ้นปี 59 บริษัทจะมีโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด 50 แห่ง จากปัจจุบันมีโรงพยาบาลทั้งหมดอยู่ที่ 42 แห่ง และปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลในประเทศอีก 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล รังสิต โดยจะเริ่มเปิดดำเนินการภายในปลายปีนี้ และโรงพยาบาลจอมเทียน พัทยา จะให้บริการในช่วงปลายปี 59

อีกทั้งในปี 59 บริษัทจะมีการซื้อโรงพยาบาลในประเทศเพิ่มเข้ามาอีก 3 แห่ง เพื่อให้ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และจะส่งผลให้รายได้ในปี 60 จะมีการเติบโตขึ้นก้าวกระโดดด้วย เพราะธุรกิจโรงพยาบาลใหม่เริ่มมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น

สำหรับด้านผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทมั่นใจรายได้เติบโต 12% จากปีก่อน 5.8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะผู้ป่วยต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐฯ และโซนอาหรับที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มอย่างมาก รวมไปถึงผู้ป่วยจากจีนแม้ว่าจะยังมีสัดส่วนไม่มาก แต่จะมีจำนวนผู้ป่วยในอนาคตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะเข้ามาชดเชยผู้ป่วยจากรัสเซียที่มีจำนวนเข้ามาใช้บริการลดลงอย่างมาก หลังจากค่าเงินรูเบิลอ่อนค่าลงมาก นอกจากนี้ยังมีการใช้บริการรักษาโรคซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีค่าบริการที่สูง

อีกทั้งในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มอย่างมากในทุกๆปี เพราะเป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้อัตราการใช้บริการเพิ่มขึ้นและบริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกรุงเทพ สาขาพนมเปญ ในประเทศกัมพูชามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนนัยสำคัญ หลังจากเปิดให้บริการครบ 1 ปี ทั้งนี้บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะอยู่ที่ 12-13% หรือใกล้เคียงปีก่อนที่ 12.74% และในปี 59 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 12-13% และรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ที่ 12-13%

สำหรับสถานการณ์การรุกเข้ามาของผู้ประกอบการโรงพยาบาลต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพื่อต้องการชิงส่วนแบ่งการตลาดในภูมิภาคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางของ AEC ว่า บริษัทไม่กังวลกับสถาณการณ์ดังกล่าว เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของการบริการและการแข่งขันของบริษัท อีกทั้งกลุ่มผู้ประกอบการโรงพยาบาลในประเทศมีความได้เปรียบด้านการแข่งขันมากกว่าผู้ประกอบการต่างประเทศ เพราะเป็น Local Brand ที่ผ่านการพิสูจน์มาเป็นระยะเวลานานแล้ว และผ่านการยอมรับจากผู้ป่วยทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการรายใหม่ต้องใช้เวลาอีกพอสมควรสำหรับเรื่องดังกล่าว และอัตราค่ารักษาพยาบาลยังมีราคาถูกกว่าผู้ประกอบการโรงพยาบาลต่างชาติ

ทั้งนี้สิ่งที่บริษัทต้องการแนะนำหน่วยงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมการแพทย์ของภาครัฐให้มีการปรับเกณฑ์การสอบใบอนุญาติแพทย์เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเพิ่มโอกาสในการนำเข้าบุคลากรจากต่างชาติ ลดความผันผวนจากการไหลออกของบุคลากรไทยในยุค AEC ที่การเคลื่อนย้ายงานระหว่างประเทศจะมีความเสรีมากยิ่งขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ