"เราจำเป็นที่จะต้องมีการจัดการบริหารภายในใหม่เกือบทั้งหมด เพราะหลายโครงการมีปัญหามาตั้งแต่ผู้บริหารเก่า ซึ่งทำให้เป็นอุปสรรคในการดำเนินงาน แต่เราเชื่อว่าหลังจากสามารถจัดการปัญหาภายในได้ทั้งหมด จะสามารถลงทุนในโครงการที่สร้างผลตอบแทนได้ทันที ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าธุรกิจของ KC ให้เข้าสู่ยุคใหม่ ซึ่งได้เริ่มมีการจัดการไปแล้วบางส่วนที่พอจะทำได้ ก็จะเห็นตัวเลขที่เป็นบวกทันทีในไตรมาสที่ 3 และจะบวกต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้าย"นายภัทรภพ กล่าว
อนึ่ง ในไตรมาส 2/58 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 11.11 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วงครึ่งแรกปีนี้มีผลขาดทุนสุทธิ 9.36 ล้านบาท
นายภัทรภพ กล่าวว่า หลังจากการเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ ก็ได้มีการวางแผนในการเคลียร์ปัญหา และโครงการต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในการบริหารงาน รวมถึงการดำเนินแผนในการพลิกฟื้นธุรกิจ ซึ่งในเบื้องต้นอาจจะมีการขายโครงการเก่าที่เป็นปัญหามาตั้งแต่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งไม่สร้างผลประโยชน์ และทำให้บริษัทเสียเปรียบ รวมถึงแผนในการเสริมสภาพคล่อง และดำเนินการลดต้นทุนในการบริหารที่ไม่จำเป็นบางส่วนออกไปเป็นต้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ในอนาคต ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญจะเปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจให้แตกต่างไปจากเดิม