TISCO จะตั้งสำรองหนี้ SSI เพิ่มอีก 1.4-1.5 พันลบ.ใน Q3/58 ให้ครบ 100%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 21, 2015 14:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ ทิสโก้ไฟแนนซ์เชียลกรุ๊ป (TISCO) กล่าวว่า ธนาคารทิสโก้ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) เป็นหนึ่งในกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้ที่ปล่อยสินเชื่อให้แก่ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) และบริษัทย่อย สหวิริยาอินดัสตรี ยูเค(SSI UK) โดยเป็นยอดหนี้รวมของธนาคารทิสโก้ประมาณ 4.4 พันล้านบาท แบ่งเป็น SSI จำนวน 821 ล้านบาท และ SSI UK จำนวน 100 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 3,570 ล้านบาท

จากกรณีที่บริษัทลูกของ SSI ในประเทศอังกฤษ (SSI UK) บริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจผลิตเหล็กแท่งแบนคุณภาพสูงในประเทศอังกฤษ ประกาศหยุดดำเนินงานลงชั่วคราวเนื่องจากประสบปัญหาทางการเงิน เนื่องจากปัจจัยทางการตลาดเหล็กแท่งแบนที่ไม่เอื่ออำนวย ประกอบกับมีต้นทุนการดำเนินงานสูง จึงส่งผลให้ยอดขาดทุนสะสมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ SSI UK ไม่สามารถประกอบธุรกิจอีกต่อไป และตัดสินใจหยุดผลิตชั่วคราว และส่งผลต่อฐานะทางการเงินของ SSI ในฐานะที่เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ของ SSI UK จำนวน 790 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น

กลุ่มธนาคารเจ้าหนี้กำลังร่วมมือกับ SSI ในการหาแนวทางปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพของบริษัทซึ่งมีความแข็งแกร่งและผู้เป็นนำในตลาดเหล็กม้วนรีดร้อนในประเทศ โดยธนาคารทิสโก้จะมีการตั้งสำรองเงินให้สินเชื่อทั้งจำนวน จึงจะไม่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของทิสโก้อย่างมีนัยสำคัญ

กลุ่มธนาคารเจ้าหนี้อันประกอบด้วย ธนาคารทิสโก้ ธนาคารกรุงไทยและธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินหลักของ SSI ที่ร่วมกันสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ SSI UK ได้พยายามให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ทั้งการลดดอกเบี้ยเงินกู้ การผ่อนผันการชำระเงินกู้ เพื่อให้ SSI UK ยังสามารถดำเนินธุรกิจในประเทศอังกฤษได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อ SSI UK ได้ประกาศหยุดดำเนินการชั่วคราว ทิสโก้และธนาคารผู้สนับสนุนสินเชื่อจะร่วมกับ SSI วางแผนการปรับโครงสร้างหนี้ โดยทิสโก้เชื่อมั่นว่า SSI จะยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เพราะ SSI ส่วนแบ่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งและเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในตลาดเหล็กม้วนรีดร้อนภายในประเทศ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญของอุตสาหกรรมพลังงาน การขนส่ง การก่อสร้าง และอะไหล่ต่างๆ ประการสำคัญคือ SSI มีความสามารถในการหาวัตถุดิบจากแหล่งอื่นได้ดี แม้ว่า SSI UK อาจหยุดการผลิตก็ตาม

ทั้งนี้ ธนาคารได้ทยอยตั้งวงเงินสำรองหนี้สูญเพื่อรองรับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นมาโดยตลอด โดยจะตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอีก 1,400-1,500 ล้านบาทให้ครบ 100% ในไตรมาส 3 นี้ การตั้งสำรองดังกล่าวเป็นการตั้งสำรองโดยหักมูลค่าหลักประกันตามหลักเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยหลักประกันในส่วนของ SSI UK จะกำหนดให้มีมูลค่าเป็นศูนย์ เนื่องจากไม่สามารถประเมินราคาได้อย่างชัดเจนในภาวะปัจจุบัน

ภาระการตั้งสำรองดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานประจำปีของบริษัทบ้างแต่ไม่เป็นนัยสำคัญเนื่องจากได้กันเงินสำรองไปก่อนหน้านี้แล้วอย่างเพียงพอ ประกอบกับภาวะคุณภาพทรัพย์สินส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อที่มีแนวโน้มดีขึ้นทำให้ภาวะการกันเงินสำรองที่เกี่ยวข้องลดลง นอกจากนี้ บริษัทยังมีการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ที่จะสามารถสนับสนุนผลการดำเนินงานได้

ในส่วนของสินเชื่อที่ให้กับ SSI UK ธนาคารมีแผนที่จะตัดหนี้สูญภายหลังจากการตั้งสำรองเต็ม 100% ตามนโยบายของธนาคารซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ดังนั้น ระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากส่วนของสินเชื่อที่ให้กับ SSI คิดเป็นประมาณร้อยละ 0.34 ของสินเชื่อรวม โดยคาดว่า SSI จะสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้แล้วเสร็จในระยะยาวต่อไป

อนึ่ง การตั้งสำรองในระดับสูงดัวกล่าวเป็นไปเพื่อสนับสนุนกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีประสิทธิผล โดยคาดว่าผลเสียหายสุดท้ายที่เกิดขึ้นจริงจะมีจำนวนน้อยกว่าระดับเงินสำรองที่ตั้งในครั้งนี้ทั้งหมด ซึ่งบริษัทได้รับรู้เป็นรายได้จากการหนี้สูญรับคืนในอนาคตต่อไป

ธนาคารทิสโก้ยังมีฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งโดยหลังจากการเปลี่ยนแปลงสถานะลูกหนี้ของกลุ่ม SSI เป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และตั้งสำรองครบ 100% ระดับเงินกองทุนของธนาคารยังแข็งแกร่ง BIS Ratio ยังคงสูงถึงประมาณร้อยละ 18 และ Tier I Ratio ประมาณร้อยละ 13


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ