ขณะที่ยอดหนี้รวมของ SSI ที่มีอยู่กับกลุ่มธนาคารพาณิชย์เจ้าหนี้รายใหญ่ 3 ราย มีมูลค่ารวมประมาณ 5 หมื่นล้านบาท โดยเป็นหนี้ในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท , ธนาคารกรุงไทย (KTB) ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท และธนาคารทิสโก้ ประมาณ 4.4 พันล้านบาท โดยแต่ละธนาคารได้ทำการกันสำรองเงินสินเชื่อที่ให้แก่ SSI จนครบถ้วนเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้แล้ว
ส่วนการหยุดผลิตเหล็กแท่งแบน(Slab) ของโรงถลุงเหล็กนั้น สืบเนื่องจาก SSI UK ประสบปัญหาขาดทุนจากการดำเนินงาน ทำให้ต้องหยุดผลิตเพื่อเจรจากับผู้มีส่วนได้เสียของ SSI UK เช่น รัฐบาลอังกฤษ คู่ค้า และสหภาพแรงงาน ซึ่งจากการเจรจาหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โอกาสที่การผลิตเหล็กจะเปิดดำเนินการได้อีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการทำความตกลงกันระหหว่างผู้มีส่วนได้เสีย และยังมีความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ที่จะส่งทำให้การเปิดดำเนินการโรงถลุงเหล็กของ SSI UK ยังไม่อาจสรุปได้อย่างชัดเจน
ดังนั้น กลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่ที่ให้เงินกู้แก่ SSI UK ดังกล่าวจึงเรียกให้ SSI UK ชำระหนี้ที่ค้างอยู่ตามเงื่อนไขการกู้เงิน ซึ่งจากฐานะการเงินในปัจจุบันของ SSI UK ไม่สามารถที่จะชำระหนี้ได้ กลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่ของ SSI UK จึงขอให้ SSI ร่วมรับผิดชอบในการชำระหนี้ดังกล่าว ในฐานะผู้ค้ำประกันของ SSI UK สำหรับหนี้วงเงินจำนวนประมาณ 790 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.8 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ SSI กำลังพิจารณาทางออกของโรงถลุงเหล็กดังกล่าว โดยอาจจะขายออกหรือปิดกิจการถาวร