อีกทั้ง ธนาคารจะหารือกกับคณะกรรมการของธนาคารภายในเดือน ก.ย.นี้เพื่อสรุปแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้ SSI โดยอาจจะดึงเงินสำรองส่วนเกินของธนาคารมาใช้ประคองผลประกอบการในไตรมาส 3/58 ไม่ให้ปรับตัวลงไปมากนัก
"กรณีตั้งสำรองเพิ่มขึ้นของ SSI จะไม่ผลกระทบผลประกอบการในไตรมาส 3 นี้ เพราะที่ผ่านมาเราก็มีการทยอยตั้งสำรองมาโดยตลอด และ SSI ก็มีการจ่ายดอกเบี้ยตามปกติ แต่เงินต้นเราได้ยืดเวลาออกไปนานแล้ว แต่สิ่งที่ส่งผลอย่างหนึ่งคือ Gross NPLs ในไตรมาส 3 นี้จะเพิ่มเป็น 3.5% จากปัจจุบันอยุ่ที่ 2.96%"นายวรภัค กล่าว
อย่างไรก็ตาม การที่ระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Gross NPLs) เพิ่มขึ้น ส่งผลต่ออัตราส่วนต่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร(Coverage Ratio)ในไตรมาส 3/58 จะปรับตัวลดลงมาที่ 90% หลังจากตั้งสำรองหนี้ SSI เพิ่มขึ้น จากปัจจุบัน Coverage Ratio อยู่ 125% ทั้งนี้ ธนาคารมีนโยบายจะรักษา Coverage Ratio ในปีนี้ไม่ให้ต่ำกว่า 100% โดย KTB ระบุว่าการตั้งสำรองเพิ่มดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3/58 ประมาณ 6,000 ล้านบาท
ส่วนการขยายสินเชื่อรวมของธนาคาร นายวรภัค กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารปรับลดมาเหลือการขยายตัวของสินเชื่อที่ 3% จากเดิมคาดว่าจะโต 4 - 6% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังธนาคารได้เพิ่มความระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และหันมาบริหารคุณภาพหนี้ให้มีประสิทธิภาพ ทำให้สินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะขยายตัวไม่ได้มากเท่ากับครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นไปตามอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.3% ในปีนี้
"ปีนี้ที่สินเชื่อรวมปรับตัวลดลง เพราะเราหันมาโฟกัส NPL ในครึ่งปีหลังมากกว่า แต่จริงๆแล้ว ความต้องการของสินเชื่อก็ยังมีอยู่ แต่เราก็ระมัดระวังมากขึ้น เพราะแนวโน้มที่ผ่านมา NPL เราก็เพิ่ม สินเชื่อตอนนี้ก็เลย Slow down ไปก่อน อีกทั้งเศรษฐกิจในประเทศก็ยังไม่ดีขึ้น จะทำอะไรตอนนี้ก็ต้องระมัดระวัง"นายวรภัค กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่า ในสิ้นปีนี้ NPL ของ KTB จะอยู่ที่ 3.5% จากเดิมคาดไว้ที่ 2.9%