วานนี้หลังมีข่าวมีการประชุมทำประชาพิจารณ์ ครั้งที่สอง ในเรื่องทางบริษัท โรงแรม ราชดำริ พยายามจะเดินหน้าก่อสร้างโครงการคอนโด และโรงแรมสูง 53 ชั้น แต่ขอรับฟังความเห็นจากประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณมหาดเล็กหลวงก่อน จากเดิมก่อนหน้าที่จัดไปแล้วครั้งที่ 1 เมื่อ 4 เม.ย.58 ซึ่งอาจจะมีการจัดครั้งที่ 3 เพื่อยื่นแบบให้สิ่งแวดล้อมขอให้ได้รับอนุญาตสภาพแวดล้อม (EIA)ก่อนก่อสร้าง
ฝ่ายวิจัย พบว่า ปัจจุบัน MINT ถือหุ้นในบริษัทย่อยคือ บริษัท โรงแรม ราชดำริ ในสัดส่วน 99.22% จากการสอบถามบริษัทเพิ่มเติม พบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง และเป็นไปตามข่าว โดยทางบริษัทย่อยก็ได้ทำตามขั้นตอนการก่อสร้างอาคารสูงให้ถูกตามกฏหมาย มีการทำประชาพิจารณ์เพื่อขอความเห็นและปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่ไม่เห็นด้วย ทางบริษัทยืนยันว่าจะทำตามการก่อสร้างให้ถูกต้องตามเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนด เช่น ระยะเวลาการก่อสร้างที่จะไม่รบกวนชุมชนมากเกินไป การป้องกันเศษวัสดุต่างๆไม่ให้ตกลงมารบกวน หรือ เรื่องอื่นๆ แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะมีการทำประชาพิจารณ์ครั้งที่ 3 หรือไม่
อย่างไรก็ดี ทางบริษัทยังไม่ได้เปิดเผยโครงการนี้ออกมา เพราะอยากจะให้โครงการนี้มีความเรียบร้อยเสียก่อน เช่นได้รับ EIA แล้ว คาดว่าโครงการนี้จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5-7 พันล้านบาท เพราะมีความสูงถึง 53 ชั้นและอยู่ในทำเลที่ดีมากคือ แถบบริเวณถนนราชดำริ จากก่อนหน้าที่เคยประสบความสำเร็จในการเปิดโครงการคอนโดและโรงแรม ST.Regis มาแล้ว
สำหรับโครงการอสังหาฯที่จะเริ่มให้รายได้กับ MINT เริ่มตั้งแต่ 2H58 คือที่สมุยและภูเก็ต คาดว่าโครงการคอนโดและโรงแรมข้างต้นหากไม่มีปัญหาก็จะให้รายได้ประมาณปี 61 เป็นต้นไป เพราะต้องใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี ถือว่าจะให้ประโยชน์กับ MINT ในระยะยาว
วานนี้(21 ก.ย.)หุ้น MINT ปิดที่ 28.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท(+0.89%)