จากที่ก่อนหน้าบริษัทได้มีความร่วมมือกับ บมจ.ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) ในการตั้งตู้ อาทิ การตั้งตู้หน้าสาขาของ SAWAD เฟสแรก 208 สาขา ทั้งนี้ จากการขยายตู้เติมเงินที่เป็นไปตามแผน ทำให้บริษัทเชื่อว่าในปีนี้จะสามารถขยายจำนวนตู้เติมเงินบุญเติมได้ 60,000 ตู้ และยอดเติมเงินที่ 15,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย
"โทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้นทุกวัน จึงเป็นโอกาสที่ธุรกิจเติมเงินมือถือจะเติบโตอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการเติมเงินผ่านตู้เติมเงินหรือผ่านช่องทางอื่นๆ รวมถึงผู้ใช้งานระบบเติมเงินยังมีมากกว่าระบบรายเดือน ทำให้มีผู้ประกอบการหลายรายพยายามเข้ามาทำตลาด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาตลาดให้มากขึ้น โดยบริษัทเชื่อมั่นในระบบแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่งจากการดำเนินงานและการพัฒนาตัวแทนบริการมาตลอด 7 ปี มีการขยายจำนวนตู้ต่อเนื่องและมีการบริการหน้าตู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากพันธมิตรที่ไว้วางใจให้เราเป็นตัวแทนรับชำระเงิน ด้วยจำนวนผู้ใช้บริการต่อวันเฉลี่ย 1.3 ล้านรายการ ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้จำนวนตู้ และยอดเติมเงินจะเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน"นายสมชัย กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังเพิ่มศักยภาพในการหารายได้จากช่องทางการโฆษณาเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดได้ทำสัญญากับ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ AIS ในการลงจะลงโฆษณาหน้าตู้ที่เริ่มดำเนินการไปแล้ว และในเดือนพฤศจิกายนจะลงโฆษณาขาตั้งตู้เติมเงิน (wrap) ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อรายได้ในส่วนของโฆษณาให้เติบโตอย่างเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่ใช้ช่องทางในการโฆษณาสินค้าและบริการ อาทิ ยูนิลีเวอร์, เบียร์ช้าง, ไอศกรีมวอลล์, ยูไนเต็ดฟูดส์ น้ำดื่มสิงห์ และเอไอเอส
นายสมชัย กล่าวถึง มุมมองตลาดตู้เติมเงินมือถือในปัจจุบันว่า ตลาดเติมเงินมือถือยังมีช่องทางการขยายตัวอีกมาก เนื่องจากมีผู้ใช้งานระบบเติมเงินมากกว่าระบบรายเดือน หรือประมาณ 86% ของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 94 ล้านเบอร์ทั่วประเทศ โดยเฉพาะผู้ใช้ในต่างจังหวัด หรือผู้ที่ต้องการควบคุมเรื่องค่าใช้จ่ายในการใช้โทรศัพท์มือถือ โดยตู้เติมเงินบุญเติมที่เป็นผู้นำตลาดตู้เติมเงินมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 10% ของตลาดเติมเงินมือถือโดยรวม แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการขยายจำนวนตู้เติมเงินเพิ่มเติมได้อีก โดยปัจจุบันมีตู้เติมเงินบุญเติมทั่วประเทศแล้วกว่า 55,000 ตู้ และยังขยายจำนวนตู้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ผู้ใช้งานต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น
สำหรับการบริหารงานของบริษัทเป็นในลักษณะแฟรนไชส์ที่ครอบคลุมทุกจังหวัด โดยบริษัทวางนโยบายให้กับตัวแทนบริการตั้งแต่การลงทุนด้วยจำนวนเงินที่ทุกคนสามารถลงทุนได้ ค่าคอมมิชชั่นที่เหมาะสม การเลือกที่ตั้งตู้เติมเงินในทำเลที่มีศักยภาพ รวมไปถึงการเพิ่มจำนวนบริการหน้าตู้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น ตลอดจนบริการหลังการขายที่ดีและศูนย์ Call Center ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และกิจกรรมส่งเสริมการขายที่จะช่วยให้มีการใช้งานตู้มากขึ้น สิ่งต่างๆเหล่านี้ ได้สะท้อนออกมาเป็นระดับยอดเติมเงินเฉลี่ยต่อตู้ของบริษัทที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคุณภาพในการให้บริการลูกค้านี้จะเป็นส่วนช่วยผลักดันให้ตัวแทนบริการและผู้ซื้อแฟรนไชส์มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งไปพร้อมกับบริษัท และจะเป็นตัวตัดสินการใช้งานของลูกค้าในระยะยาวต่อไปอีกด้วย