ประเด็นที่ผู้ร้องทั้งสิบสี่อ้างว่าการที่ผู้คัดค้านไม่ให้ผู้ร้องที่ 1 และผู้ร้องที่ 7 ซึ่งเป็นผู้รับมอบฉันทะของผู้ร้องที่ 2- 4 และผู้ร้องที่ 6 เข้าร่วมประชุม เนื่องจากมิได้นำบัตรประชาชนตัวจริงของผู้ร้องที่ 2 ถึงผู้ร้องที่ 4 และผู้ร้องที่ 6 มาแสดง เป็นการการะทำที่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญก็ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องทั้งสิบสี่ได้อธิบายหรือชี้แจงว่าเป็นการละเมิดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตราใด และเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างไร จึงเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ เท่านั้น
นอกจากนี้ เมื่อปลายเดือน พ.ย.57 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากที่ผู้ร้องทั้งสิบสี่รายได้ยื่นคำร้องต่อศาลในคดีนี้แล้ว ผู้ร้องที่ 2-10,ผู้ร้องที่ 12 และผู้ร้องที่ 14 ได้มีการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวด้วย อันเป็นการกระทำที่ขัดกับคำร้องและคำขอบังคับให้เพิกถอนมติที่ประชุมและขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเพิ่มทุนบริษัทผู้คัดค้าน ของผู้ร้องทั้งสิบสี่เสียเอง จึงเห็นว่ามติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของผู้คัดค้าน ครั้งที่ 2/2557 ซึ่งพิพาทในคดีนี้ ไม่ขัดต่อข้อบังคับหรือบทบัญญัติของกฎหมาย จึงไม่อาจเพิกถอนได้ ให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องทั้งสิบสี่ ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท NEWS หรือ SLC ได้ให้ความเห็นว่า NEWS เชื่อมั่นว่าการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2557 ได้ดำเนินการประชุมไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้มีการเคารพสิทธิของผู้ถือหุ้นและปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน การตรวจสอบเอกสารแสดงตนก่อนการประชุมผู้ถือหุ้น เป็นขั้นตอนปฏิบัติเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น มิใช่เป็นการจงใจกระทำสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือตัดสิทธิผู้ถือหุ้นบางรายมิให้เข้าร่วมประชุม ซึ่งในส่วนนี้ศาลแพ่ง ได้วินิจฉัยแล้วว่า ไม่ขัดต่อข้อบังคับหรือบทบัญญัติของกฎหมาย จึงไม่อาจเพิกถอนได้
ส่วนกรณีสื่อในเครือเนชั่นเสนอข่าวในทำนองที่ว่าการเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นกรณีน่าเคลือบแคลงสงสัย และกล่าวหาว่าระหว่างการพิจารณาคดีทางบริษัทมีการสืบพยานในลักษณะล่าช้านั้น บริษัทได้ดำเนินการต่อสู้คดีทางศาลและดำเนินการตามขั้นตอนการพิจารณาทางศาลตามปกติ มิได้มีการประวิงคดี โดยมุ่งหมายให้ศาลสถิตยุติธรรมเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทในคดี