KOOL ปิดเทรดวันแรกที่ 2.74 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 52.22%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 23, 2015 17:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น KOOL ปิดเทรดวันแรกที่ 2.74 บาท เพิ่มขึ้น 0.94 บาท(+52.22%)จากราคาขาย IPO ที่ 1.80 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,960.85 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.54 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.68 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.72 บาท

นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บมจ.มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล(KOOL)เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับการต้อนรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก คงเป็นเพราะนักลงทุนมองเห็นแนวโน้มในอนาคตธุรกิจของ KOOL จะขยายตัวได้อีกมาก จากปริมาณความต้องการของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มหันมาใช้พัดลมไอเย็นเป็นตัวเลือกในการแก้ปัญหาอากาศร้อนมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงแอร์กับพัดลมธรรมดาเท่านั้น และเชื่อว่าในอนาคตหากมีการทำการตลาดมากขึ้นผู้บริโภคจะรู้จักพัดลมไอเย็นมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น มีฐานทุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำให้สามารถขยายธุรกิจต่อไปได้มากขึ้น ซึ่งสินค้าของ KOOL ยังประกอบด้วย พัดลมไอเย็น พัดลมไอน้ำ พัดลมอุตสาหกรรม รวมถึงสินค้านวัตกรรมด้านโอโซน ที่ผลิตและจัดจำหน่ายโดย บริษัทลูก คือ อินโนว์ กรีน โซลูชัน จำกัด

หลังจากที่ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai แล้ว บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะมีความพร้อมด้านเงินทุนมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายการเติบโตในอนาคตก็จะสอดคล้องกับที่ผ่านมา โดย 3 ปีที่ผ่านมารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 40% ขณะที่ 6 เดือนแรกของปีนี้รายได้เติบโตขึ้นประมาณ 40%

ด้านนางสาวสุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน KOOL ระบุว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการกำหนดขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO)ที่เหมาะสม ประกอบกับ KOOL เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และในอนาคตลูกค้าทั้งรายย่อยและองค์กรจะเติบโตควบคู่กัน อีกทั้งยังมีตลาดส่งออกที่มากถึงเกือบ 40 ประเทศ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น และเชื่อว่าหุ้น KOOL จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องหลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ไปแล้ว

"ชื่อเสียงของ KOOL จากนี้ จะเป็นที่รู้จักและยอมรับมากยิ่งขึ้นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และการระดมทุนครั้งนี้ทำให้บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง สามารถนำไปขยายธุรกิจเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น ซึ่งคาดว่าการเติบโตจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ดังนั้น KOOL จึงถือเป็นหุ้นน้องใหม่ที่น่าสนใจ และน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้"นางสาวสุธางค์ กล่าวในที่สุด

ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ KOOL ที่ราว 2.20-2.50 บาท โดยใช้ PEG ที่ 1.4-1.5 เท่า โดยมีความเสี่ยงสำคัญ 1) อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงหลังจากที่เริ่มขายสินค้าในโมเดิร์นเทรด 2) ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากบริษัทใช้เงินสกุลดอลลาร์ในการสั่งสินค้ามาขายในประเทศ 3) ยอดขายสินค้าขึ้นกับสภาพอากาศในช่วง Q2 เป็นหลัก

KOOL ประกอบธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์พัดลมไอเย็น(85%) พัดลมไอน้ำ(5%) และพัดลมอุตสาหกรรม(3%) ภายใต้ตราสินค้า"MASTERKOOL"และ"Cooltop"และให้บริการเช่าใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสำหรับการจัดกิจกรรมกลางแจ้ง ออกแบบและติดตั้งระบบระบายความร้อนภายในโรงงานและคลังสินค้า รวมทั้งออกแบบและติดตั้งระบบโอโซน เพื่อประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม บริษัทนำเข้าสินค้าจากโรงงานในจีนและใช้เงินสกุลดอลลาร์ในการชำระสินค้าเป็นหลัก ด้านการจัดจำหน่ายบริษัทขายสินค้าผ่านช่องทางห้างค้าปลีกสมัยใหม่เป็นหลัก เช่น โฮมโปร แม็คโคร เมกาโฮม โกลบอลเฮ้าส์ บิ๊กซี ไทวัสดุ และบุญถาวร เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ