นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าพอร์ตบริหารหนี้ในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 9.5 หมื่นล้านบาท หลังล่าสุดได้เข้าซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารเพิ่มอีก 5 พันล้านบาท ทำให้มีพอร์ตบริหารหนี้เพิ่มเป็น 8.2 หมื่นล้านบาทแล้ว ขณะที่แนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) มีแนวโน้มเติบโตมากขั้นในปีนี้ด้วย ซึ่งจะช่วยผลักดันให้พอร์ตหนี้เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่องทุกปี และหนุนให้กำไรสุทธิปีนี้เติบโตราว 30% จากปีก่อน
"ภาพรวมหนี้ NPL ในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโอกาส ของ JMT ในฐานะผู้นำอันดับ 1 ในตลาดหนี้เสียที่ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) ที่มีส่วนแบ่งตลาดคิดเป็นราว 90% ของหนี้เสียไม่มีหลักประกันที่สถาบันการเงินนำมาประมูลทั้งหมดในแต่ละปี ให้เข้าไปประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารจาก สถาบันการเงิน และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าจะมีพอร์ตบริหารหนี้เมื่อสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 9.5 หมื่นล้านบาท จากเมื่อสิ้นปี 2557 มีพอร์ตหนี้บริหารอยู่ที่ประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท สนับสนุนผลประกอบการปี 2558 ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตขึ้นราว 30% จากปี 2557 มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 120.61 ล้านบาทได้สำเร็จ"นายปิยะ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2558 บริษัทได้ลงนามในสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ด้อยคุณภาพของสินเชื่อส่วนบุคคลกับบมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) มูลค่าหนี้ 1.51 พันล้านบาท และเมื่อวันที่ 22 กันยายนบริษัท บริหาร สินทรัพย์ เจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ลงนามในสัญญาโอนสิทธิ เรียกร้องใน หนี้ด้อยคุณภาพของสินเชื่อ ส่วนบุคคลและ สินเชื่อเช่า ซื้อรถยนต์ กับธนาคารธนชาต มูลค่าหนี้ 3.59 พันล้านบาท ทั้งนี้ หากรวมกันทั้ง 2 บริษัทจะมีมูลค่าหนี้คงค้างตามสิทธิ์ประมาณ 5 พันล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อย งวด 6 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้รวมอยู่ที่ 330.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 202.73 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 55.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.61% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 43.41 ล้านบาท