ขณะที่บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตได้สูงกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ที่ 4-5% หรือเติบโตไม่น้อยกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ประเทศ จากปีก่อนที่มีรายได้ 806.98 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้รายได้เติบโตไปแล้วถึง 8% หรือทำรายได้ราว 444.40 ล้านบาท
ในปีนี้บริษัทได้มีการพัฒนาสินค้าใหม่ที่ช่วยให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัทฯคาดว่าสัดส่วนการส่งออกของปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 21% จากปีก่อน 18% เนื่องจากลูกค้าเดิมที่เคยชะลอคำสั่งซื้อเริ่มกลับมาส่งคำสั่งใหม่ เนื่องจากราคาของปิโตเครมีและพลาสติกในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มมีสเถียรภาพมากขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบเริ่มแกว่งแคบลง ทำให้สามารถคาดการณ์ทิศทางราคาสินค้าได้แม่นยำมากขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าเริ่มสั่งสินค้าเพื่อสต็อกมากขึ้นด้วย
"เราล้างขาดทุนสะสมทั้งหมดแล้วในช่วงไตรมาส 2/58 ซึ่งทั้งปีนี้เราค่อนข้างมั่นใจว่าผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไรได้อย่างแน่นอน ซึ่งเราก็คงจะเสนอบอร์ดให้มีการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น หลังจากที่เราไม่ได้จ่ายปันผลมา 3 ปี นโยบายเราเร่งทำธุรกิจและแบ่งคืนผู้ถือหุ้นตามคำมั่นสัญญาและมองโอกาสดีดีในการขยายธุรกิจต่อยอด ดังนั้น เงินที่นักลงทุนลงทุนร่วมกับเราทุกบาทเราจะใช้ทุกบาททุกสตางค์อย่างรู้คนค่าและพยายามคืนไปให้เร็วที่สุด" นายขวัญชัย กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/58 คาดว่าทั้งในด้านรายได้และกำไรสุทธิจะใกล้เคียงกับไตรมาส 2/58 แต่จะดีกว่าไตรมาส 3/57 ที่มีผลขาดทุน
"ตอนนี้ก็ใกล้จบไตรมาส 3 แล้วก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร เราคงไปดูในช่วงไตรมาส 4 มากกว่า เพราะเราก็ลุ้นที่จะมีคำสั่งสินค้าใหม่ๆเข้ามา ซึ่งถ้าลูกค้าตัดสินใจทันในช่วงไตรมาส 4 ก็คงจะมีรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น"นายขวัญชัย กล่าว
ส่วนแนวโน้มในปีหน้า นายขวัญชัย กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 59 จะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรอการยืนยันคำสั่งซื้อจากลูกค้าอีก 2-3 ราย หากได้ในส่วนนี้เข้ามาก็จะทำให้บริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมพลาสติกก็ยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าจากออสเตรเลียเพื่อส่งสินค้าในอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับก่อสร้าง โดยปัจจุบันลูกค้าออสเตรเลียกำลังตรวจสอบสินค้าและทดสอบการใช้งานจริงว่าพึงพอใจมากแค่ไหน และหากผ่านการตวรจสอบแล้ว คาดว่าจะทำให้ COLOR สามารถส่งสินค้าไปยังยุโรปได้ต่อเนื่อง โดยบริษัทคาดจะได้สิทธิในการส่งสินค้าในช่วงปี 59
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เพื่อเข้ามาชดเชยและเติมเต็ม โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 1/59 และเตรียมศึกษาการเพิ่มกำลังการผลิตจากปัจจุบันอยู่ที่ 4 หมื่นตัน/ปี ซึ่งจะสามารถรองรับการเติบโตของบริษัทฯได้ถึงปี 60 คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายปีนี้ถึงกลางปี 59
สำหรับเงินลงทุนในการขยายกิจการ และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น คาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่เกิน 300-400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯยังมีเครดิตจากสถาบันการเงินเพียงพอ โดยปัจจุบันมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ที่ 0.5 เท่า ในขณะที่บริษัทแม่ก็ยังมีสภาพคล่องค่อนข้างสูง ซึ่งหากโครงการดังกล่าวมีความเหมาะสมก็เชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี และบริษัทยังเปิดโอกาสให้บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตใหม่ๆให้กับบริษัทเข้ามาเป็นพันธมิตร ขณะที่บริษัทก็มีความพร้อมทั้งการร่วมลงทุนและการเข้าซื้อกิจการ
"เราคุยมาต่อเนื่องเหละในการร่วมทุนลงทุน หรือการเข้าซื้อกิจการ แต่ที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็จะเป็นธุรกิจที่ต่างออกไป อย่างเช่นไฟฟ้า เราก็ไม่สนใจ เพราะเราไม่ถนัด เราจะสนใจก็แค่บริษัทที่สามารถเพิ่มความชำนาญความเชี่ยวการผลิตด้านใหม่ๆให้กับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพราะเราไม่อยากมาเริ่มต้นใหม่ซึ่งต้องศึกษา ต้องใช้เวลามาก"นายขวัญชัย กล่าว