ทั้งนี้ ORI มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็น 25 % ของทุนจดทะเบียนของบริษัทภายหลัง IPO โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นไอพีโอและเข้าจดทะเบียนในเดือนตุลาคมนี้
"การเดินสายโรดโชว์พบนักลงทุนสถาบันของ ORI ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯที่มีความแข็งแกร่ง จุดเด่นของ ORI ทำเลใกล้แหล่งคมนาคม โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้า รวมไปถึงใกล้นิคมอุตสาหกรรม และที่สำคัญคอนโดมิเนียมของ ORI มีทั้งประเภท Low Rise และ High Rise โดยโครงการประเภท Low Rise จะช่วยให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ได้เร็ว ในขณะที่โครงการประเภท High Rise จะช่วยให้บริษัทมีอัตราการทำกำไรที่สูง"บล.กสิกรไทย ระบุ
ปัจจุบัน ORI มีโครงการทั้งหมด 27 โครงการ มูลค่ารวม 17,052 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 9 โครงการ มูลค่า 3,117 ล้านบาท ,โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 6 โครงการ มูลค่า 3,610 ล้านบาท,โครงการที่อยู่ระหว่าง Pre Sales 7 โครงการ 6,955 ล้านบาท และโครงการที่เตรียมเปิดตัวในอนาคต 5 โครงการ มูลค่า 3,370 ล้านบาท และปัจจุบัน มี BackLog ในมือกว่า 5,376 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ ORI กล่าวว่า นักลงทุนให้การตอบรับตลอดการเดินสายโรดโชว์ในช่วงระหว่างวันที่ 17-22 กันยายนที่ผ่านมา และมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่ผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะเป็นอีกแรงหนุนสำคัญที่ทำให้บริษัท มีการเติบโตอย่างยั่งยืน และแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัท จะนำไปใช้ในการขยายโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 6 โครงการมูลค่า 3,610 ล้านบาท,โครงการที่อยู่ระหว่าง Pre Sales 7 โครงการ 6,955 ล้านบาท และโครงการที่เตรียมเปิดตัวในอนาคต 5 โครงการ มูลค่า 3,370 ล้านบาท
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัท ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทฯ มีอัตราการทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 229.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,240% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,080.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 762% เนื่องจากบริษัทฯ มีความสามารถในการทำยอดพรีเซลได้สูงถึง 203% เป็นผลจากการเปิดโครงการคอนโดมิเนียม ตั้งแต่ต้นปี 2558 จำนวน 6 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 3,175 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมียอด BackLog ในมือกว่า 5,376 ล้านบาท
"ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือปีนี้ มีการแข็งขันสูงขึ้น โดยเฉพาะทำเลตามแนวรถไฟฟ้าสายต่างๆ ซึ่งบริษัทเตรียมแผนรับมือมาโดยตลอด นอกจากทำเลที่มีความสะดวกในการเดินทางแล้ว การออกแบบอาคารที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ ORI และการออกแบบห้องที่เน้นการประโยชน์การใช้สอยมากที่สุด รวมถึงการให้บริการที่ดูแลลูกค้าทุกขั้นตอน"นายพีระพงศ์ กล่าว