ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า รมช.คมนาคม ขอให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)ศึกษาทำโครงการจัดหารถโดยสารที่ใช้ไฟฟ้าเป็นเชื้อเพลิงตามจำนวนรถโดยสารที่ยังเหลืออีก 2,694 คัน จากเดิมที่เป็นโครงการจัดหารถโดยสารที่ใช้ก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิงทั้งหมด 3,183 คันนั้น นายนิติธร กล่าวว่า หากศึกษาแล้วสามารถทำได้จริง หรือคุ้มค่ากว่าก็จะส่งผลดีต่อบริษัทฯ
ทั้งนี้ หากมีการเปิดประมูลดังกล่าวเกิดขึ้นก็จะเป็นโอกาสของบริษัทที่จะเข้าไปประมูลงาน เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีการจัดทำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า 6 ล้อ และ 4 ล้อ ให้กับ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การจัดทำโครงการรถเมล์ไฟฟ้า น่าจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร
"เราต้องแยกระหว่างรถที่เราได้มาแล้ว ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาจำนวน 489 คัน กับที่เหลืออีก 2,000 กว่าคัน ซึ่งขสมก.มีแนวคิดที่จะนำมาจัดทำโครงการรถเมล์ไฟฟ้า ในส่วนที่เหลือนี้ ซึ่งก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาว่าเมื่อทำเป็นไฟฟ้าแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่ มองว่าน่าจะใช้ระยะเวลาพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามจะเป็นผลดีต่อบริษัทเราอย่างแน่นอน เพราะเราก็มีโปรดักซ์แบบนี้อยู่ และถ้าหากขสมก.ต้องการข้อมูล เราก็มีความยินดีที่จะให้ข้อมูลและสนับสนุน" นายนิติธร กล่าว
สำหรับผลประกอบการในปี 58 บริษัทฯยังคงเป้าหมายการเติบโตไว้ราว 10% จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 1,526.24 ล้านบาท (ไม่ได้นับรวมรายได้พิเศษจากการขายหลอดไฟ LED จำนวน 500 ล้านบาท) ซึ่งเมื่อตัดรายได้พิเศษออกจะทำให้รายได้ในปี 57 มีประมาณ 1,000 ล้านบาทเท่านั้น โดยการเติบโตในปี 58 จะมาจากสัดส่วนรายได้ในประเทศคิดเป็น 60% และต่างประเทศ 40% ขณะที่ปีนี้ยังไม่รวมรายได้จากการประมูลรถเมล์ NGV
ขณะที่งานในมือ (Backlog) ปัจจุบันมีอยู่ 600 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรู้รับในไตรมาส 4/58 ได้จำนวน 300 ล้านบาท และที่เหลือจะรับรู้ในปีถัดไป ส่วนในปี 59 มองว่าผลการดำเนินงานน่าจะทรงตัว เมื่อเทียบกับปีนี้ จากที่การประมูลใหญ่ๆยังไม่น่าจะมีออกมา เว้นแต่ถ้าหากการประมูลรถเมล์ไฟฟ้าเกิดขึ้นเร็ว