นอกจากนี้ พบรายการบิ๊กล็อตหุ้น JWD 4 รายการ จำนวน 13,339,200 หุ้น มูลค่าซื้อขาย 146.73 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11 บาท
นายชวนินทร์ บัณฑิตยกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์(JWD)เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจกับราคาหุ้นที่ออกมายืนเหนือราคา IPO แม้ภาวะตลาดอยู่ในช่วงซบเซา
ทั้งนี้เงินที่ได้จากการระดมครั้งนี้ บริษัทฯจะนำไปลงทุนตามแผน คือ ขยายคลังสินค้าในไทยและต่างประเทศ ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯ โดยปัจจุบันบริษัทฯก็อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการก่อสร้างคลังสินค้าในประเทศ แบ่งเป็นโครงการศูนย์รวมในการเก็บและกระจายสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ท่าเรือแหลมฉบัง (LCL Consolidation Hub) เงินลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 1/59,โครงการศูนย์กระจายสินค้าอันตราย (Dangerous Goods Local Warehouse) เงินลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จ ไตรมาส 1/59, โครงการซื้อเครนขาสูง (Rubber Tyred Gantry Crane: RTG) เงินลงทุนประมาณ 17 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาสที่ 3/58
ส่วนโครงการในต่างประเทศ ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโครงการคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง ประเทศกัมพูชาประเทศพม่า และประเทศลาว เงินลงทุนประมาณ 390 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 2/59 อีกทั้งยังมีโครงการในส่วนโครงการที่เกี่ยวข้องกับขนส่งบริษัทฯมีโครงการซื้อรถบรรทุก (Car Carier) จำนวน 7 คัน เงินลงทุนประมาณ 35 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 3/58
ขณะที่ก็อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม เพื่อขยายธุรกิจเพิ่มเติมอีก โดยจะมีการร่วมลงทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น และมีนโยบายถือหุ้นในสัดว่วนที่มากกว่า 50% คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในสิ้นปี 59
นายชวนินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯยังคงเป้าหมายรายได้ปี 58 จะเติบโตได้ราว 17.4% จากปีก่อนอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท และมีอัตรกำไรสุทธิที่ 12% ขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าหมายรายได้จากนี้ไปจนถึงปี 63 รายได้จะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก โดยจะมาจากการขยายพื้นที่คลังสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมองว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 8-10% และมีพื้นที่ให้บริการรับฝากสินค้าเป็น 7 หมื่นตารางเมตร
ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า JWDเป็นบริษัทให้บริการด้าน Logistic ครบวงจร ที่มีคลังสินค้า และพื้นที่รับฝากสินค้าที่ให้บริการจัดการสินค้าเข้ามาร่วมด้วย ทำให้รายได้/ตร.ม. อยู่ในระดับสูง ซึ่งเงินที่ได้จากการ IPO นอกจากจะช่วยขยายกิจการไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เงินก้อนนี้ยังช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่าย เพื่อดึงให้อัตรากำไรสุทธิเข้าไปหาค่าเฉลี่ยกลุ่มอีกด้วย ราคาเสนอขายคิดเป็น P/E15F-16F (fully diluted) ประมาณ 20-16 เท่า
โดยหากให้สมมติฐานรายได้ขยายตัว 10% ใน 2 ปีนี้ อัตรากำไรสุทธิ 12.9% ของ 1H58 เป็นฐาน และใช้ค่าเฉลี่ย P/E 28 เท่า ของกลุ่มบริษัทด้านโลจิสติกเป็นตัวอ้างอิง (TICON, WHA, NYT, WICE) เพดานการเคลื่อนไหวของราคาระหว่างปี 2558-59 คาดจะอยู่ราว 15.3 – 19.2 บาท/ หุ้น