"ปีนี้บริษัทฯ เน้นตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยเจาะกลุ่มผู้ใช้ถ่านหินในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาทิ กลุ่มผู้ประกอบการปูนซิเมนต์ และ กลุ่มผู้ประกอบการด้านพลังงานมากขึ้น พร้อมกับการเน้นรักษาฐานกลุ่มลูกค้ารายเดิม ซึ่งจากกลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)ในประเทศทยอยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด"นายพนม กล่าว
สำหรับยอดขายถ่านหินโดยรวมในปีนี้คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากปี 57 ที่มียอดขาย 3.45 ล้านตัน รับผลกระทบจากนำเข้าถ่านหินของจีนที่ปรับตัวลดลง และจากทิศทางราคาถ่านหินที่ยังมีแนวโน้มทรงตัวในขณะนี้ บริษัทจึงได้มีการปรับกลยุทธ์ตั้งแต่ต้นปี โดยมุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนการผลิต และต้นทุนการให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้ รวมถึงการควบคุมคุณภาพถ่านหินที่จะส่งมอบให้ลูกค้าให้ตรงตามความต้องการ เพื่อทำให้บริษัทแข่งขันได้ในระยะยาว และทำให้ผลประกอบการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
"ปีนี้ยอดขายรวมอาจจะปรับตัวลดลงจากยอดขายต่างประเทศที่หายไปบางส่วน แต่ถือว่าเป็นประหยัดต้นทุนดอกเบี้ยในส่วนของเงินทุนหมุนเวียน โดยบริษัทฯให้ความสนใจกับเรื่องมาร์จิ้นเป็นหลัก"นายพนม กล่าว
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 นั้น บริษัทฯคาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/58 ที่มีรายได้ 1,001.29 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 27.99 ล้านบาท และปรับตัวดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/57 ที่มีกำไร 0.32 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการปรับกลยุทธ์ด้านการขาย ประกอบกับ บริษัทฯมีการบริหารความเสี่ยงในด้านโลจิสติกส์ และควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น