ทั้ง 10 หุ้นอ้างอิงใหม่ของ Stock Futures ยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิมในการพิจารณาคัดเลือก คือ เป็นหุ้นในดัชนี SET100 ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) ตั้งแต่ 10,000 ล้านบาทขึ้นไป และมีสภาพคล่องสูง เป็นที่ต้องการของผู้ลงทุน
ประกอบด้วย หุ้นของ บมจ. การบินกรุงเทพ (BA) จากหมวดขนส่งและโลจิสติกส์, บมจ. คาราบาวกรุ๊ป (CBG) และ บมจ. อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) จากหมวดอาหารและเครื่องดื่ม, บมจ. ซีเค พาวเวอร์ (CKP) และ บมจ. เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) จากหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค, บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) จากหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย(VGI) จากหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์, บมจ.ทีทีซีแอล (TTCL) จากหมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง
และการเพิ่ม 10 หุ้นใหม่นี้ จะทำให้หุ้นอ้างอิงของ Stock Futures ขยายขอบเขตเพิ่มอีก 2 หมวดธุรกิจ คือ บมจ. ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) ในหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ และ บมจ. ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) ในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิกส์
ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ Stock Futures มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 81,308 สัญญา (ข้อมูล ณ วันที่ 28 กันยายน 2558) ขณะที่สถานะคงค้างอยู่ที่ 720,172 สัญญา ทั้งนี้ Stock Futures ที่ได้รับความนิยมซื้อขายจากผู้ลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ TPIPL (16.99%), ITD (16.17%), JAS (10.38%), IRPC (10%) และ TRUE (8%) ตามลำดับ