ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจโทรทัศน์ 50% ธุรกิจวิทยุ 25% และ รายได้จากสัมปทานและโครงข่าย 25%
นายศิวะพร กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวม 4,000 ล้านบาท ต่ำกว่าปี 57 ที่มีรายได้รวม 4,455 ล้านบาท โดยมาจากรายได้จากธุรกิจโทรทัศน์จะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิก็น่าจะลดลง เพราะครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิเพียง 66 ล้านบาท จากทั้งปี 57 ที่มีกำไรสุทธิ 503 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในปี 59 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากปี 58 ทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากบริษัทได้รับผลดีการเป็นผู้ผลิตรายการเอง รีแบรนดิ้ง ขยายฐานผู้ชม และการปรับผังรายการเพื่อให้แข่งขันได้
"ปี 59 บริษัทคงไม่ตกต่ำไปกว่านี้ เพราะสามารถผลิตรายการได้เอง รีแบรนด์ดิ้งทำให้เรทติ้งของเราดีขึ้น ขยายฐานผู้ชม ปรับผังรายการ ก็จะช่วยให้เราโตกว่าปีนี้ ขณะที่ปี 58 รายได้ค่าโฆษณาของเราหายไปค่อนข้างเยอะ เพราะตลาดเป็นของผู้ซื้อ การแข่งขันสูง" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ MCOT กล่าว
ในไตรมาส 4/58 บริษัทเตรียมงบลงทุนธุรกิจคอนเท้นท์ ในการพัฒนาธุรกิจคอนเท้นน์ โดยจากนี้ไปบริษัทจะเป็นผู้ผลิตรายการเองมากขึ้น ทั้งเกมโชว์ เรียลริตี้ นอกจากนี้ บริษัทในอนาคตจะผลิตละครเอง โดยปี 59 ตั้งงบสำหรับธุรกิจคอนเท้นท์ 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ สิ้นปี 59 จะมีสัดส่วนรายการที่ผลิตเอง 65-70% จากปัจจุบันอยู่ที่ 55%
นายศิวะพร กล่าวอีกว่า ตามแผนของบริษัทในช่วงปี 57-60 บริษัทใช้งบลงทุนธุรกิจการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (VNO) ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตช่องรายการดิจิตอลทีวี 2 ช่อง รวมวงเงิน 1,900 ล้านบาท ซึ่งใช้ไปแล้ว 700 กว่าล้านบาท
ทั้งนี้ ในวันที่ 1 ต.ค. 58 บริษัทจะมีรายการใหม่มากกว่า 5 รายการ ได้แก่ เดอะทอล์ค เปิดเมืองแปลก อาทิตย์ติดโชว์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีรายการที่ร่วมกับเนชั่นอีก 1 รายการ เป็นต้น
สำหรับที่ดินข้างศูนย์วัฒนธรรมพื้นที่ประมาณ 50 ไร่นั้น นายศิวะพร กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างวิเคราะห์ว่าจะพัฒนาเป็นรูปแบบโครงการใด อาจเป็นการร่วมทุนหรืออาจทำเอง คาดว่าต้นปี 59 สรุปรูปแบบการลงทุนได้