สำหรับยอดลงทะเบียนแต่ละผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ แบ่งเป็น กลุ่มบริษัท เอไอเอส ลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 36.2 ล้านเลขหมาย คิดเป็น 87.2% จากจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินของเอไอเอส 41.6 ล้านเลขหมาย
กลุ่มบริษัท ดีแทค ลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 22.4 ล้านเลขหมาย คิดเป็น 83.3% จากจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินของดีแทค 26.9 ล้านเลขหมาย และกลุ่มบริษัท ทรู ลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 16 ล้านเลขหมาย คิดเป็นภาพรวมความสำเร็จถึง 94.1% จากจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินของทรู 16.9 ล้านเลขหมาย โดยขั้นตอนหลังจากนี้ สำนักงาน กสทช.จะมีการนำเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อรับทราบต่อไป
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 เบอร์โทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินที่ไม่ได้ลงทะเบียนจะถูกระงับการใช้งานทันที หลังจากนั้นเลขหมายที่ไม่ได้ลงทะเบียนจะอยู่ที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือว่าจะนำไปบริหารต่อภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือจะส่งคืนกลับมายังสำนักงาน กสทช. ส่วนผู้ที่ต้องการขอรับเงินที่เหลือในซิมคืน สามารถติดต่อขอรับเงินคืนได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558 โดยนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง หรือเอกสารที่ออกโดยราชการ พร้อมซิมการ์ดโทรศัพท์ไปติดต่อที่ศูนย์บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายเพื่อดำเนินการตรวจสอบ โดยจะได้รับเงินคืนภายใน 30 วัน
ในเบื้องต้นสำนักงาน กสทช. คาดว่าจากจำนวนผู้ที่ไม่มาลงทะเบียนจำนวน 10.8 ล้านดังกล่าว จะมียอดเงินคงเหลือในซิมรวมประมาณ 109 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเลขหมายละ 10 บาท โดยในส่วนของเงินเหลือตกค้างจากการที่ประชาชนไม่มาขอรับเงินคืน สำนักงาน กสทช. จะพิจารณาประเด็นทางกฎหมายต่อไป
ผู้ใช้บริการเครือข่ายเอไอเอส สามารถรับเงินคืนเป็นเงินสด หรือรับเงินคืนผ่านบัญชีธนาคาร ได้ที่สำนักงานบริการเอไอเอสทุกสาขา ติดต่อสอบถามได้ฟรีที่เบอร์โทรศัพท์ 02-271-9263 ส่วนผู้ใช้บริการเครือข่ายทรู สามารถรับเงินคืนเป็นเงินสด หรือบัญชีธนาคารได้ที่ศูนย์ให้บริการ ติดต่อสอบถามได้ฟรีที่เบอร์โทรศัพท์ 02-900-8088 และผู้ใช้บริการเครือข่ายดีแทค สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการ ยกเว้นกรณีขอรับเงินคืนเป็นเงินสดจะติดต่อได้เฉพาะที่ศูนย์บริการดีแทค สาขาศรีนครินทร์ เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี ติดต่อสอบถามได้ฟรีที่เบอร์โทรศัพท์ 02-202-7267 ซึ่งประชาชนสามารถเลือกวิธีโอนเงินให้กับเลขหมายอื่นในเครือข่ายเดียวกันได้หากไม่รับเป็นเงินสด