ทั้งนี้ CAT มีความแข็งแกร่งในด้านการให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศ มุ่งพัฒนาศักยภาพบริการต่าง ๆ โดยเฉพาะมุ่งวางรากฐานด้าน Infrastructure ของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้ง Data Center ที่ครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ และได้ผ่านการรับรองมาตรฐานการก่อสร้างระดับสากล และ Cloud Infrastructure ที่มีความปลอดภัยและเสถียรภาพสูง
ส่วนความแข็งแกร่งของ MFEC คือ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการเป็น ผู้ให้บริการพัฒนา วางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ เมื่อร่วมมือกันในครั้งนี้ จะทำให้สามารถนำเสนอบริการทางด้าน Cloud Computing ที่มีคุณภาพ และครบถ้วนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Infrastructure as a Service, Platform as a Service รวมถึงการนำผลิตภัณฑ์ทาง software ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของ MFEC เอง ขึ้นให้บริการเป็น Software as a Service ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทางด้าน Big Data และ ระบบลายเซ็น electronic เป็นต้น ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ รวมทั้งเป็นประโยชน์ สร้างทางเลือกที่คุ้มค่าให้กับลูกค้าของทั้งสององค์กร
นอกจากนี้ MFEC ยังสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับ CAT ด้วยทีมงานวิศวกรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะผลิตภัณฑ์ย่อยที่นำมาใช้ใน Data Center รวมถึงทีมงานในการบริหารจัดการระบบในศูนย์ปฏิบัติการ Data Center ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการดูแลการปฏิบัติการใน Data Center ของสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศไทย ตลอดจนมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน
“การใช้ Cloud Computing ทำให้การใช้ระบบ IT ในองค์กรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งการผนึกกำลังร่วมกันระหว่าง CAT และ MFEC เพื่อพัฒนาและให้บริการ Software as a Service บน IRIS Cloud Platform ในครั้งนี้ เป็นการสร้างทางเลือกต่อองค์กรที่มีความต้องการใช้ระบบไอทีที่มีเสถียรภาพ และมีระบบความปลอดภัยสูง เพื่อลดภาระการทำงานและค่าใช้จ่ายด้าน IT รวมทั้งมีวิศวกรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญให้การดูแล เชื่อว่าบริการของ CAT ในอนาคตจะได้รับความสนใจอย่างมากจากองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ในมุมของ MFEC การผนึกกำลังครั้งนี้จะช่วยทำให้เราสามารถเข้ามามีบทบาทในตลาดการให้บริการ Cloud ได้มากขึ้น จากเดิมที่เป็นเพียง Cloud Implementer โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของ Data Center เอง ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูง อีกทั้งยังสามารถนำทรัพย์สินทางปัญญาของ MFEC ขึ้นให้บริการในเชิง Software as a Service โดยมี CAT เป็นพันธมิตร" นายธนกร กล่าว
ด้านนายชัยยุทธ สันทนานุการ รักษาการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและการขาย CAT เปิดเผยว่า การผนึกกำลังกับ MFEC เพื่อพัฒนาศักยภาพการให้บริการด้าน Software as a Service (SaaS) บน Cloud โดยใช้ระบบ Infrastructure as a Service (IaaS) จาก IRIS Cloud ซึ่งเป็น Cloud Platform โดยการศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ Cloud Computing ทำให้เกิดการบริการวางระบบ Back office และบริการอื่น ๆ อีกมากมายในอนาคต
IRIS Cloud การันตีคุณภาพบริการด้วยรางวัลสุดยอดผู้ให้บริการด้าน Cloud Computing แห่งปีของประเทศไทย (2015 Thailand Infrastructure as a Service Provider of the Year) จากองค์กร Frost & Sullivan ซึ่งเป็นองค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก ในงานประกาศรางวัลระดับโลก 2015 Thailand Excellence Awards
นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนที่เลือกใช้บริการยังได้รับการดูแลระบบตลอด 24 ชั่วโมงโดยผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทไอทีระดับประเทศ อย่าง MFEC ที่มีประสบการณ์ยาวนานด้านการพัฒนาวางระบบข้อมูล และบริหารจัดการระบบข้อมูล ยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ IRIS Cloud Platform
“ระบบบริการ Cloud มีประโยชน์เพราะสามารถช่วยลดรายจ่ายเกี่ยวกับ IT infrastructure ได้ โดยผู้ที่ใช้บริการ Cloud สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านระบบ IT อย่างมากเพราะ Cloud คิดค่าใช้บริการตามจำนวนทรัพยากรทางด้าน IT ที่ต้องการใช้งานจริงเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องลงทุนจำนวนมาก ในการซื้อ Hardware หรือ IT infrastructure มาเผื่อไว้ล่วงหน้าอีกต่อไป สะดวกในการเข้าถึงทรัพยากรบนระบบ Cloud ได้จากทุกที่ ทุกเวลา เพียงมีเครื่องมือเข้า Internet นอกจากนี้ ยังมีความยืดหยุ่นในการใช้บริการเพราะสามารถปรับเพิ่ม หรือ ลด Resource บน Cloud ได้ตามความต้องการโดยไม่ต้องวุ่นวายเรื่องระบบ และไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายด้าน Hardware เพิ่มเติมด้วย" นายชัยยุทธกล่าว
IRIS Cloud Platform มีแพคเกจให้เลือกใช้บริการเพื่อความเหมาะสมในการใช้งานของแต่ละบุคคล องค์กร หรือหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ 1.Early BIRD Monitoring as a Service คือบริการซอฟต์แวร์สำหรับเฝ้าระวังเหตุเสียต่างๆ ภายในระบบ IT ของลูกค้า ที่มีความแม่นยำ รวดเร็ว 2.Social Insight Application เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลบน Social Network ด้วยฟังก์ชั่นที่สามารถจับอารมณ์ความรู้สึกจากข้อความนำมาประมวลผลได้อย่าง มีประสิทธิภาพ รู้ว่ามีคนพูดถึงแบรนด์คุณอย่างไร รู้ความคิดเห็นของผู้บริโภคได้อย่างง่ายดาย
และ 3. PolarSign Digital Signature แพลตฟอร์มสำหรับลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามเทคโนโลยีมาตรฐานความปลอดภัย ระดับสากลสามารถยืนยันตัวตน (Identity) ให้ความมั่นใจในความถูกต้องของเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (Integrity) และเจตนา (Intent) ในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา