พร้อมกันนี้ บริษัทยังตั้งเป้ารายได้รวมใน 1-3 ปีข้างหน้ารายได้รวมก็น่าจะเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวแต่สูงสุดอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน บริษัทมีกระแสเงินสดราว 1,000 ล้านบาท เพียงพอรองรับแผนขยายตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ได้แก่ การเปิดโรงงานในเวียดนาม รวมทั้งขยายโรงงานโรงงานในเขมรและลาว แต่จะเป็นในรูปแบบทยอยลงทุนในประเทศที่มีการเติบโตดี นอกจากนี้ ในแต่ละปีบริษัทยังมีกำไรสุทธิเข้ามาปีละ 500 ล้านบาท และไม่มีหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง 77% ส่วนอีก 23% เป็นผลิตภัณฑ์วุ้นเส้น
"synergy หลังควบรวมจะเกิดความแข็งแกร่งทั้งด้านการวิจัยและพัฒนาสินค้า( R&D) เทคโนโยลีการผลิต ซึ่งใน 3-6 ปีข้างหน้า การเติบโตของบริษัทจะขยายใยประเทศ AEC ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาในเวียดนาม เขมร พม่า ซึ่งก็จะเป็นทั้ง partnership และ joint venture ซึ่งการโตของปี 2016 ก็จะชัดเจนแบบนี้"นายโฮ เรน ฮวา กล่าว
TWPC มีโรงงานแป้ง 4 แห่งในไทย และอีก 2 แห่งในเวียดนาม กำลังการผลิตรวม 330,000 ตัน/ปี ซึ่งจะพิ่มขึ้นอีก 105,000 ตัน เป็น 435,000 ตัน/ปี โดยธุรกิจแป้งในประเทศไทยเติบโตปีละ 20-25% เนื่องจากมีความต้องการมาก ขณะที่ในตลาดจีนก็เติบโตได้ดี ซึ่งที่ผ่านมาการส่งออกไปจีนเติบโตปีละ 30% ทำให้บริษัทคาดว่าในอีก 4-5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในจีนได้เป็น 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 7%
ส่วนผลิตภัณฑ์อาหาร เป็นแบรนด์วุ้นเส้นและก๋วยเตี๋ยว ได้แก่ มังกรคู่ และ กิเลนคู่ในไทย เป็นที่รู้จักมากกว่า 60 ปี บริษัทมีโรงงานวุ้นเส้นในไทย กำลังการผลิต 22,000 ตัน/ปี ซึ่งจะเพิ่มเป็น 23,100 ตัน/ปีในปี 59 เส้นก๋วยเตี๋ยว จาก 1,100 ตัน/ปี เพิ่มเป็น 4,050 ตัน/ปี ซึ่งบริษัทวางแผนขยายเน็ตเวิร์คช่องทางการจำหน่ายตามหัวเมืองหลักอย่าง อุดรธานี อุบลราชธานี เชียงใหม่ ที่เป็นหัวเมืองใหม่ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านก็มีพันธมิตรร์ที่ไปเปิดตลาดจีน พม่า และเวียดนาม
"ปีนี้การโตเป็นตัวเลขหลักเดียวแต่สูง และคาดโตเป็น 2 เท่าใน 5 ปี โปรดักส์หลักยังเป็นแป้ง วุ้นเส้น เส้นก๋วยเตี๋ยว และมองหาโอกาสการควบรวมกิจการ เพื่อตอกย้ำในการโตจะมาจากการธุรกิจหลักที่ยังมุ่งขยายในประเทศและเพื่อนบ้าน AEC "
นายโฮ เรน ฮวา กล่าวว่า อุตหกรรมวุ้นเส้น มีตลาดรวมในไทยอยู่ที่ 36,000-37,000 ตัน/ปี คิดเป็น 3,000 ล้านบาท บริษัทฯเรามีส่วนแบ่งการตลาด 44% มองว่าปี 59 อุตฯจะเติบโต 2-3% เพราะภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไม่ดีขึ้นมาก จากอดีตอุตสาหกรรมนี้จะโต 3-5% สอดคล้องกับ GDP ของประเทศ
ส่วนอุตฯแป้งส่วนแบ่งการตลาดเราอยู่ที่ 6-7% ทั้งในและต่างประเทศ ยังน้อยมาก จึงยังมีโอกาสโตอีกมาก โดยอุตฯแป้งในประเทศอยู่ที่ 5 ล้านตัน/ปี ของเราอยู่ที่ 2 แสนกว่าตัน แม้เศรษฐกิจโลกไม่โอเค แต่โปรดัสก์ที่เป็นอาหารโตดี
ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าบริษัทจะได้รับประโยชน์ เพราะสัดส่วนรายได้เป็นส่งออก 80% ในประเทศ 20%