ทั้งนี้ มีปัจจัยสนับสนุนจากความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจขยายวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมวันที่ 30 ตุลาคม 2558 และการคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 27-28 ตุลาคม 2558 ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องของระบบการเงินโลกอยู่ในระดับสูงต่อไป
อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยกดดันที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ สัญญาณการไหลของเม็ดเงินลงทุน (Fund Flow) ที่กลับมาอ่อนแรงอีกครั้ง จนทำให้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่ามากสุดในรอบ 9 ปี และดัชนีสัญญาเครดิตอนุพันธ์ (CDS) ของไทยยังปรับตัวแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี บ่งชี้ถึงความเสี่ยงของประเทศที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ มีการปรับลดประมาณการกลุ่มธนาคารและพลังงานในช่วง Preview ผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งจะทำให้ Valuation ของดัชนีแพงขึ้นโดยปริยาย อีกทั้งยังมีปัจจัยต่างประเทศที่กดดันจากการประกาศตัวเลขภาคการผลิตเบื้องต้นของจีน หากออกมาย่ำแย่อีกครั้งอาจส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้นเอเชีย และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้เช่นกัน
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในช่วงในเดือนตุลาคมนี้ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหุ้นแนะนำ โดยล่าสุดมีทั้งสิ้น 18 บริษัท ได้แก่ IRPC, IFEC, BLA, TCAP, KKC, PTTGC, VNG, WHA, BANPU, IVL, SYNEX, SUPER, QH, SCB, CEN, MCS, PTT, EVER