"เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน NUSA เป็นการเข้าลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนมากกว่า ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปบริหาร"
ทั้งนี้ NUSA ได้จัดสรรหุ้น PP ครั้งที่ 3 จำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.10 บาท โดยจัดสรรให้ นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ จำนวน 100 ล้านหุ้น และ TTA จำนวน 200 ล้านหุ้น หลังการได้มาดังกล่าว TTA จะถือหุ้นใน NUSA 3.48%
นายวิทวัส กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุนในธุรกิจให้บริการรด้านสาธารณูปโภคเกี่ยวกับน้ำ(water)ในประเทศภูมิภาคอินโดจีน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ 1 ดีล โดะพิจารณาว่าจะเข้าไปลงทุนทั้งโครงการในลักษณะกรีนฟิลด์หรือเริ่มต้นตั้งโครงการใหม่ และการเข้าลงทุนร่วมบริหารจัดการกับบริษัทอื่น ซึ่งจะพิจารณาทั้ง 2 รูปแบบ นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในธุรกิจพลังงานในประเทศไทยด้วย เนื่องจากบริษัทมีกระแสเงินสดในมือเกือบ 10,000 ล้านบาท พร้อมที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจอื่นๆอีกมาก
"โครงการที่บริษัทอยู่ในขั้นตอนกำลังศึกษาอยู่ คือ โครงการที่เกี่ยวกับอินฟราสตรัคเจอร์ ธุรกิจพลังงาน น่าจะพอเห็นในปีนี้หนึ่งโครงการ ที่เกี่ยวกับ water ในภูมิภาคอินโดจีน ส่วนในประเทศดูโครงการพลังงานอยู่ แต่คงยังไม่ใช่ปีนี้"นายวิทวัส กล่าว
อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจชิปปิ้ง ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก (Core Business) นั้น ต้องดูสภาพตลาดด้วยว่าช่วงไหนเหมาะกับการขยายธุรกิจ เพราะถ้าเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังค่อนข้างไม่ดี ก็ต้อง wait&see เพราะนโยบายการขยายการลงทุนของ TTA จะต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยดูสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกด้วย และการลงทุนจะดูเวลาที่เหมาะสมว่าจะเข้าลงทุนในโครงการไหน
"พยายามรักษาระดับของธุรกิจที่เราทำอยู่ในปัจจุบันให้ดี โดยเน้นเรื่องการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายและบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งที่ผ่านมา ถือว่าเราทำได้ดี Core Business ที่ซัพพอร์ตอยู่ ที่ผ่านมาก็พยายามเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุนซึ่งเราก็ทำได้ดีกว่าตลาดดีกว่าอุตฯ ทั้งการบริหารจัดการกองเรือ ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ขณะที่ค่าระวางเรือของบริษัทก็ทำได้ดีกว่าอุตสาหกรรมด้วย"นายวิทวัส กล่าว