นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า ราคาเปิดการซื้อขายวันแรกที่ 10.50 บาท เป็นราคาที่น่าพึงพอใจ แม้ว่าหลังจากนั้นราคาจะย่อตัวลงมาแต่ก็ไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างได เนื่องจากช่วงที่มีการกระจายหุ้นให้แก่สถาบัน และประชาชนทั่วไป มีจำนวนหุ้นที่ไม่เพียงพอต่อการขาย โดยเฉพาะสถาบันที่มียอดจองเกินมาถึง 11 เท่า จึงเชื่อว่าเมื่อราคาลงมาจะมีนักลงทุนที่สนใจกลับมาเก็บหุ้นเพิ่ม
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะใช้ในการขยายโครงการตามแผนการดำเนินงานไว้ ทั้งแผนการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ และแผนการขยายโครงการใหม่ รวมถึงโครงการในทำเลใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโต
ทั้งนี้ บริษัทยืนยันว่ากลุ่มผู้หุ้นเดิมที่ไซเรนต์ พีเรียดอยู่ที่ 55% โดยส่วนตัวจะไม่มีการขายหุ้นจำนวนดังกล่าวออกมา เนื่องจากมีความมั่นใจในพื้นฐานและการเติบโตของบริษัท
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯคาดการณ์รายได้ปี 2559 จะขึ้นไปแตะ 4,000 ล้านบาท จากปีนี้(2558)บริษัทฯมั่นใจรายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายแล้วถึง 4,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่วางไว้ 5,000 ล้านบาท โดยมองว่าที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสี่ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต ในขณะเดียวกันบริษัทมีการบุกทำเลใหม่ ๆ จึงมั่นใจผลประกอบการจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีแผนพัผฒนาโครงการใหม่ช่วงที่เหลือของปีนี้อีก 3-4 โครงการ มูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท
นายพีระพงศ์ กล่าวต่อว่า หลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วจะส่งผลให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯมีความมั่นคงมากขึ้น บวกกับกระแสเงินสดในอนาคตจากการโอนห้องตาม Backlog ของโครงการที่มีแผนชัดเจน และยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต จึงมั่นใจว่าบริษัทฯ จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมภายในปี 2560 ได้อย่างแน่นอน
ด้านบล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น ORI มูลค่าพื้นฐานปี 2559 ของ ORI ได้ที่ 12 บาท อิง PER ที่ 8.25x โดยจากฐานการเติบโตที่ต่ำในอดีตและ backlog จำนวนมากที่มีแผนรับรู้ในปี 2558-60 รวมถึงยอดขายล่าสุดที่ทำได้ค่อนข้างดีจากแผนธุรกิจที่เน้นไปที่ตลาดใหม่ที่มีการแข่งขันน้อยและมีอุปสงค์ชัดเจน (เช่นแนวรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่และนิคมอุตสาหกรรม) ทำให้คาดการณ์การเติบโตในระดับสูงในอนาคตมีความชัดเจน
โดยคาดการเติบโตของกำไรในช่วงปี 2558-60 ที่ 571%, 86% และ 26% ตามลำดับ นอกจากนี้ หากผลประกอบการเป็นไปตามประมาณการ อิงอัตราจ่ายปันผลที่ 40% อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในช่วง 3 ปีดังกล่าวจะอยู่ในระดับที่น่าสนใจที่ 3.5-8.2%