อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยยังอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น ตลาดหุ้นยังจะไม่ปรับสู่ขาลงระยะยาว อีกทั้งตลาดโลกยังคงเต็มไปด้วยสภาพคล่องจำนวนมาก สำหรับประเทศไทยถึงแม้ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจจะเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ แต่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยต้านทานความผันผวนในไตรมาสนี้ได้
“ไตรมาสที่ 4 ปีนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่ราบรื่นนักสำหรับการลงทุน แม้สภาพคล่องโดยรวมของตลาดจะมีมากเกินพอ แต่นักลงทุนจะใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงจากทั่วโลกอยู่ในระดับสูง โดยประเมินว่านักลงทุนในตลาดหุ้นจากทั่วโลกจะนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดที่มีปัจจัยเหล่านี้ 1.เสถียรภาพดี 2.มีการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ 3.ราคาหุ้นสมเหตุสมผล ซึ่งตลาดหุ้นไทยเองก็ถือได้ว่ามีความน่าสนใจ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะมีผลกระทบจำกัดต่อตลาดหุ้นไทย และจะมีแนวโน้มที่เป็นบวกมากขึ้นในระยะกลางเมื่อสถานการณ์ต่างๆ เริ่มชัดเจน"นายอิสระ กล่าว
นายอิสระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 59 ปัจจัยต่างๆ ภายในประเทศจะมีความชัดเจนยิ่งขึ้นส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างจับต้องได้ โดยเฉพาะแผนการลงทุนของรัฐ อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและระยะกลางที่ประกาศออกมาในไตรมาสก่อนจะส่งผลทางบวกต่อระบบเศรษฐกิจจริง ตลอดจนการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยวจะช่วยสนับสนุนการอุปโภคบริโภคภายในประเทศให้ขยายตัวอย่างจับต้องได้ ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ช่วยเปิดโอกาสให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นตามศักยภาพ
หุ้น Top Picks ในไตรมาส 4/58 ที่ SCBS แนะนำจะอิงกับเศรษฐกิจในประเทศที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และด้านการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวได้ ประกอบด้วย บมจ.ซีพี ออลล์(CPALL)รายงานยอดสาขาเติบโตและเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง กำไรมีแนวโน้มปรับขึ้นได้อีกจากการขายหุ้น บมจ.สยามแม็คโคร, บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) กำไรมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะสาขาทั้งหมดอยู่ในต่างจังหวัด
บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เป็นผู้ได้ประโยชน์รายใหญ่จากมาตรการกระตุ้น อสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งราคาหุ้นปรับตัวลงกว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน เมื่อเทียบกับกำไรที่คาดว่าจะเติบโตสูง และรายได้มีความแน่นอนสูง, บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการยกเลิกสัญญาและปฏิเสธสินเชื่อ อีกทั้งยังช่วยหนุนให้ประมาณการกำไรปรับขึ้นด้วย
และ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) มีสัญญาณบวกจากยอดจองห้องพักล่วงหน้าที่ฟื้นตัวดีขึ้น
บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) วางแผนเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด โดยเฉพาะจากตลาดเติมเงิน การติดตั้งเครือข่าย 3G/4G เสร็จจะส่งผลทำให้ต้นทุนลดลง และ EBITDA เพิ่มขึ้นในอนาคต