นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผุ้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น LPH กล่าวว่า ช่วงราคา IPO ดังล่าวเป็นไปตามปัจจัยพื้นฐานและการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต ถือเป็นระดับราคาที่น่าสนใจอย่าง ยิ่งสำหรับนักลงทุน เมื่อพิจารณาผลการดำเนินการในอดีตซึ่งมีความมั่นคงของรายได้และกำไร บวกกับแผนการเติบโตของธุรกิจที่ชัดเจนโดดเด่น ซึ่งจะสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตโดดเด่นในอนาคต
ได้แก่ แผนการยกระดับศูนย์การแพทย์เฉพาะทางสู่ความเป็นเลิศ ทางการแพทย์ (Excellent Center) 5 ศูนย์ คือ ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ ศูนย์ตา ศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ และศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์ผิวหนังและความงาม เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มประชากรผู้สูงอายุที่ปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มฐานกลุ่มผู้ใช้บริการของโรงพยาบาลฯ ลูกค้าทั่วไป รวมทั้งรองรับการรักษาโรคที่ซับซ้อนมากขึ้น และจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรที่สูงขึ้นของบริษัทฯในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีโครงการขยายการลงทุนต่อเนื่องในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ศูนย์การแพทย์ประกันสังคม เพื่อโอกาสในการรับโควต้าที่มากขึ้น ศูนย์พักฟื้นดูแลผู้สูงอายุ และการสร้างโรงพยาบาลลาดพร้าวแห่งใหม่ ซึ่งจะมีเตียงให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 180 เตียง ในบริเวณเขตลำลูกกา ซึ่งเป็นเขตที่มีจำนวนประชากรเติบโตสูงและมี หมู่บ้าน ชุมชน โรงงาน จำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตอย่างโดดเด่นยั่งยืนในอนาคต จากแผนเติบโตดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯเติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี คาดว่าจะส่งผลต่อค่า P/E ในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ LPH จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งสิ้น 200 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.67% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 375 ล้านบาท โดยทุนที่ออกจำหน่ายและเรียกชำระแล้ว มีจำนวน 275 ล้านบาท คิดเป็น 550 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หุ้นจำนวน 180 หุ้นเสนอขายต่อประชาชน และอีก 20 ล้านหุ้นเสนอขายให้กับกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯที่ราคาเดียวกันกับราคา IPO ทั้งนี้กรรมการและผู้บริหารที่จองซื้อหุ้นจำนวนดังกล่าวมีความสมัครใจจะนำหุ้นมาฝากเพื่อห้ามขายทั้งจำนวนเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน
นายอังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LPH เชื่อมั่นว่า กรอบราคาหุ้น IPO ที่กำหนดในครั้งนี้มีส่วนลดให้กับนักลงทุนในระดับที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์เฉลี่ยมากกว่า 30% และเมื่อพิจารณาแนวโน้มของการเติบโตของบริษัทฯและบริษัทย่อยและเป้าหมายของบริษัทที่จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปีรวมถึงในปีนี้ จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,136.57 ล้านบาท
พร้อมมั่นใจกำไรสุทธิปีนี้มากกว่าปีก่อนที่ 99.88 ล้านบาท แม้ในช่วงครึ่งปีแรกจะมีกำไรสุทธิเพียง 31.92 ล้านบาท แต่ในช่วงครึ่งปีหลังกำไรสุทธิจะเข้ามามากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซี่ซั่น ที่มีผู้ป่วยเข้ามามาก เนื่องจาก เป็นช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว ที่จะมีผู้ป่วยเข้ามารักษาเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันบริษัทฯคาดว่าค่าใช้จ่ายการรักษาเฉลี่ยต่อครั้งจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 บาท จากปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายการรักษาเฉลี่ยต่อครั้งอยู่ที่ 1,500 บาท
บริษัทคาดว่าจะได้เงินจากระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ราว 980-1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายกิจการโรงพยาบาล 4 อย่าง แบ่งเป็น 1.การพัฒนาศูนย์การแพทย์เฉพาะทางให้ก้าวสุ่ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Excellent center) 5 ศูนย์ ซึ่งจะทยอยเปิดดำเนินงานตั้งแต่ปี 58 และปี 59 ซึ่งจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท, การลงทุนก่อสร้างโครงการศูนย์การแพทย์ประกันสังคมลาดพร้าว 150 ล้านบาท เพื่อรองรับโควต้าผู้ประกันสังคมเพิ่ม โดยจะมีจำนวนเตียงเพิ่มอีก 30 เตียง และจะมีการเริ่มก่อสร้างในเดือน ต.ค.นี้ และจะเปิดดำเนินการได้ในปี 60
การลงทุนสถานพักฟื้นดูแลผู้สูงอายุ เพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยจะใช้เงินลงทุน 157 ล้านบาท ซึ่งจะพิ่มจำนวนเตียง 50 เตียง โดยจะเปิดดำเนินการในปี 61 และ การลงทุนโครงการโรงพยาบาลลาดพร้าวลำลูกกา เฟสแรก ขนาด 180 เตียง เงินลงทุน 600 ล้านบาท ปัจจุบันได้ซื้อที่ดินแล้ว และอยู่ในระหว่างขั้นตอนการออกแบบ รวมถึงการเตรียมการขออนุญาตก่อสร้างและจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยคาดว่าโรงพยายาลลำลูกกาจะสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในปี 62
และในส่วนที่เหลือจะนำไปชำระหนี้สถาบันการเงิน ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงมาอยู่ที่ต่ำกว่า 0.5 เท่า จากปัจจุบัน 1.3 เท่า นอกจานี้หากบริษัทมีเงินเหลือจากการลงทุนก็จะมีการพิจารณาการเข้าถือหุ้นในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ เพื่อที่จะเป็นการสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทได้ทันที คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนภายในปี 59
“ด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลมากกว่า 22 ปี เราเชื่อมั่นว่า ในปี 58 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของ LPH ในการก้าวสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯได้ตั้งเป้าในการเติบโตในอนาคตไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี และตั้งเป้าเป็นทั้ง Growth Stock และ Dividend"นายอังกูร กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานบริษัทฯมีรายได้เติบอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 55-57 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น จำนวน 917.43 , 1,063.07 และ 1,136.57 ล้านบาทตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 11.30% และมีกำไรสุทธิสำหรับปี 55-57 เท่ากับ 79.5 ล้านบาท 108.43 ล้านบาท และ 99.88 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 58 บริษัทมีรายได้และกำไร อยู่ที่ 600.32 ล้านบาท และ 31.92 ล้านบาท ประกอบกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) สิ้นสุดไตรมาส 2/58 อยู่ที่ 1.31 เท่า