คดีนี้สืบเนื่องจาก ก.ล.ต.ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัท แอล.วี.ซี.ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด (บริษัท แอล.วี.ซี.) ของ POWER-P ว่า อาจมีการทำเอกสารเท็จกรณีการทำรายการซื้อหุ้นของบริษัท แอล.วี.ซี. ในระหว่างปี 2548 เพื่อถ่ายเทผลประโยชน์ออกจาก POWER-P
ก.ล.ต. ได้ตรวจสอบพบการทำความผิด จึงดำเนินการกล่าวโทษนายราชศักดิ์ สุเสวี ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 และต่อมาจากพยานหลักฐานที่รวบรวมโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงทำให้สำนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 ได้พิจารณาเห็นควรฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2558 ศาลอาญามีคำพิพากษาว่านายราชศักดิ์มีความผิดตามมาตรา 307 308 311 ประกอบมาตรา 313 และความผิดตามมาตรา 312(2)(3) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้ลงโทษฐานเบียดบังทรัพย์ของ POWER-P เป็นของตนโดยทุจริตตามมาตรา 90 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยจำคุก 8 ปี และมีความผิดตามมาตรา 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ฐานยินยอมให้ลงข้อความเท็จและไม่ลงข้อความสำคัญในงบการเงินงวดปี 2548 และเอกสารของ POWER-P และบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง และไม่ตรงตามความเป็นจริงเพื่อลวงผู้อื่น ให้ลงโทษจำคุก 8 ปี
เนื่องจากนายราชศักดิ์ให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา 78 แห่งประมวลกฎหมายอาญา จึงลดโทษจำคุกเหลือกรณีละ 5 ปี 4 เดือน รวมลงโทษจำคุก 10 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
“ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนเป็นหัวใจสำคัญในการลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท โดยหลักจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเพียงพอ ถูกต้อง ทั่วถึง และทันเวลา แต่หากกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทเปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงอันควรบอกให้แล้ว ก็ย่อมมีความรับผิดทางอาญา อีกทั้งถ้ากระทำไปเพื่อลวงผู้ถือหุ้นหรือบุคคลทั่วไป ก็ย่อมต้องรับโทษที่สูงขึ้น กรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนจึงมีหน้าที่ที่จะต้องระมัดระวังและซื่อสัตย์สุจริตในการเปิดเผยข้อมูลสำคัญของบริษัท" นายวสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าว