ทั้งนี้ หุ้น SCI จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 13 ต.ค.58 นี้ ใช้ชื่อย่อ “SCI" ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากรในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy)
“การที่นักลงทุนให้การต้อนรับหุ้น SCI อย่างท่วมท้น สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจที่นักลงทุนมีต่อบริษัท เนื่องจากภายหลังการระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้ฐานะทางการเงินของ SCI มีความแข็งแกร่ง พร้อมขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต ดังนั้นจึงมีความมั่นใจว่าหลังหุ้น SCI เข้าเทรดจะได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก และให้ผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุน"นายวิชา กล่าว
นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCI กล่าวว่า ยอดจองซื้อหุ้นไอพีโอที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท โดยการระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโต และบริษัทเตรียมนำเงินที่ได้ไปคืนหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน เป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า (PDSR) เฟส 2 ในลาว ซึ่งจะเริ่มต้นโครงการได้ประมาณไตรมาส 4/58 ลงทุนในโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาโทรคมนาคมในเมียนมาร์ โดยร่วมทุนกับพันธมิตร ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างโรงงานได้ราวไตรมาส 1/59 และลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ร่วมกับพันธมิตร โดย SCI จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 30%
นอกจากนี้ บริษัทจะนำเงินบางส่วนไปลงทุนในโรงงานไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทย ขนาด 45 เมกะวัตต์ โดยร่วมทุนกับพันธมิตรในสัดส่วน 30% ของมูลค่าลงทุนทั้งหมดราว 3.5-3.7 พันล้านบาท คาดว่าจะเริ่มใช้เงินทุนราวในปี 59 และจ่ายไฟเข้าระบบ (COD) ได้ประมาณปี 62
“การระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่ง แนวโน้มรายได้และกำไรในปี"62 โตแบบก้าวกระโดด หลังจากเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทย และการขยายการลงทุนในลาวและพม่า"นายเกียงไกร กล่าว
ขณะที่แนวโน้มรายได้ของ SCI ในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลประกาศเดินหน้าประมูล 4 จี และแผนการลงทุนด้านสายส่งและสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ประกาศงบลงทุน 5 ปี ข้างหน้า มูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท นอกเหนือจากรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศที่มีเข้ามาอย่างสม่ำเสมอจากการทำธุรกิจในลาว
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี"58 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น 14.42% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 143.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน