นางสาวณัชชา สุนทรธาราวงศ์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการติดตามภาวะเศรษฐกิจยุโรป และเชื่อว่าเศรษฐกิจมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน จากตัวเลขเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการลงทุนในหุ้นยุโรป และคาดการณ์ว่าหุ้นขนาดเล็กในขณะนี้มีระดับราคาที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับหุ้นขนาดใหญ่และกลาง จึงเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าวเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า อีกทั้งการคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และส่งผลดีต่อผลประกอบการโดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กที่จะเติบโตได้สูงกว่าในช่วงเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว"
บลจ.ยูโอบี มีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจยุโรปซึ่งมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน เห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็น การบริโภคในประเทศ ดัชนีชี้วัดภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ ที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งออกที่ฟื้นตัว ส่งผลทำให้อัตราการทำกำไรของบริษัทในยุโรปโดยรวมมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
อีกทั้ง ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินจนถึงเดือนกันยายน 2559 ด้วยปริมาณเงินใหม่ 60,000 ล้านยูโรต่อเดือน และ ECB ยังคงส่งสัญญาณที่จะใช้นโยบายดังกล่าวจนกว่าเศรษฐกิจยุโรปจะกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง รวมไปถึงดำเนินนโยบายปล่อยสินเชื่อให้กับธนาคารพาณิชย์ในระยะยาว (Targeted Long Term Refinancing Operation : TLTRO) ที่ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% โดยปัจจุบันเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ที่ระดับเพียง 1% จากนโยบายดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้นยุโรป โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กของยุโรปที่มีศักยภาพในการเติบโตที่ดีในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว
นอกจากนี้ จากข้อมูลย้อนหลัง 10 ปีที่ผ่านมา หุ้นขนาดเล็กของยุโรปเติบโตกว่า 250% และคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2559 และ 2560 ที่ 19% และ 22% ตามลำดับ ด้วยระดับราคาที่เหมาะสมและน่าสนใจกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นขนาดใหญ่ในยุโรป
กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูโรเปี้ยน สมอล แคป ฟันด์ (UES) ลงทุนผ่านกองทุน Pioneer Funds – European Potential – Class I (กองทุนหลัก) ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่ได้รับประโยชน์จากหรือเกี่ยวข้องกับการเติบโตของธุรกิจในทวีปยุโรป บริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์การลงทุนเฉพาะในหุ้นขนาดเล็กมากกว่า 10 ปี ด้วยกลยุทธ์คัดเลือกหุ้นขนาดเล็กที่มีความโดดเด่นในธุรกิจ มีความสามารถในการแข่งขัน มีกลยุทธ์ระยะยาวที่ชัดเจน และกระจายลงทุนใน 60-70 หลักทรัพย์จากจำนวนหุ้นขนาดเล็กทั้งสิ้น 1,300 หลักทรัพย์ เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีและปรับให้เหมาะสมกับความเสี่ยง จากแนวทางการบริหารดังกล่าว ส่งผลทำให้กองทุนหลักสามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีที่ 27.30% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน MSCI Europe Small Cap Index ที่ 24.33%