“ในช่วงไตรมาส 3/58 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังไม่เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) จึงปรับประมาณการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยลงมา จาก 3.0% มาอยู่ที่ 2.7% อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยยังคงมีปัจจัยด้านบวก คือ ภาคการท่องเที่ยวที่อาจฟื้นตัวเร็วกว่าคาด รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่รัฐบาลเตรียมนำออกมาใช้เร็วๆ นี้
ขณะที่ในส่วนของการตั้งสำรองหนี้ของ SSI และบริษัทย่อย ซึ่งทิสโก้ได้ทำการตั้งสำรองให้ครบเต็มจำนวนในไตรมาสนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของทิสโก้บ้าง แต่ไม่มีนัยสำคัญ เนื่องจากเราได้ทำการกันสำรองไปก่อนหน้านี้แล้ว ประกอบกับผลการดำเนินงานในด้านอื่น ๆ ที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ย รายได้ค่าธรรมเนียม และคุณภาพสินทรัพย์ในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อที่มีแนวโน้มดีขึ้น จึงทำให้ผลการดำเนินงานของทิสโก้ยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และยังคงมีฐานะเงินกองทุนในระดับที่แข็งแกร่ง"รนางอรนุช กล่าว
สำหรับในไตรมาสสุดท้ายของปี 58 ทิสโก้ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์การดำเนินธุรกิจตามแผนที่วางไว้ ด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง โดยมุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มช่องทางการขายและการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนการขยายโอกาสธุรกิจผ่านพันธมิตรทางธุรกิจ รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้แก่กลุ่มทิสโก้ในระยะยาว
ทั้งนี้ TISCO รายงานว่า ไตรมาส 3/58 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้ามีกำไรสุทธิลดลง 25.6% มาอยู่ที่ 810 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักเป็นผลมาจากการตั้งสำรองพิเศษ อย่างไรก็ดี ผลการดำเนินงานของธุรกิจหลักยังคงแข็งแกร่ง โดยบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 6.6% จากการบริหารต้นทุนเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อปรับตัวดีขึ้น
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกันกับปีก่อนหน้า โดยในไตรมาสนี้ แม้ว่ารายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์จะอ่อนตัวลงตามปริมาณการซื้อขายโดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ฯที่ลดลง รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจจัดการกองทุนปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการขยายฐานลูกค้าและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตามความต้องการของตลาด นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวลดลง 35.5% ตามการบริหารและควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมอยู่ในระดับต่ำที่ 22.7%
สำหรับเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 30 ก.ย.58 มีจำนวน 237,259.74 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.8 จากไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการตัดหนี้สูญของ SSI UK ภายหลังจากการตั้งสำรองเต็ม 100% ทั้งจำนวนตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยในขณะเดียวกัน สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ยังคงอ่อนตัวตามการปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุลย์ของตลาดรถยนต์ภายหลังจากมาตรการรถคันแรก ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาทั้งสิ้น 2-3 ปี หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 2.86% เป็น 3.30% จากการจัดชั้นลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของ SSI จำนวน 821 ล้านบาท ซึ่งมีการตั้งสำรองเต็มโดยหักหลักประกันตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดทั้งปี โดยประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) สำหรับสิ้นไตรมาสอยู่ที่ 17.92% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 13.88% และ 4.04% ตามลำดับ