วัตถุประสงค์ของการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯจะทำเงินที่ได้ไปใช้คืนหนี้จากสถาบันการเงินบางส่วนราว 38 ล้านบาท จากปัจจุบันมีหนี้อยู่ราว 190 ล้านบาท และจะใช้ซื้อเรือเฟอร์รี่ลำใหม่เพิ่มอีก 1 ลำ มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท จากปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 12 ลำ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาสัดส่วนระหว่างเงินกู้และเงินระดมทุนจาก IPO ส่วนที่เหลือก็จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือเพื่อบริการลูกค้าให้ได้รับความสะดวก สบาย รวดเร็ว และปลอดภัยที่สุดในการเดินทางข้ามจากเกาะสู่ฝั่ง
ทั้งนี้ RP มีทุนจดทะเบียน 170 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 132 ล้านบาท โดย ณ ไตรมาส 2/58 มีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 748 ล้านบาท ทั้งเรือ สินทรัพย์ประเภทท่าเทียบเรือดอนสัก-สมุย และดอนสัก-พะงัน ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินของตนเอง โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน 0.56 เท่า อย่างไรก็ตามราชาเฟอร์รี่ ถือว่าเป็นบริษัทที่มีกองเรือเฟอร์รี่มากที่สุดในธุรกิจขนส่งทางทะเลภาคใต้
นายอภิชาติ กล่าวว่า ผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในช่วงครึ่งปีแรกของปี 58 บริษัทมีรายได้แล้ว 312 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 47 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายรายได้ภายใน 3 ปีข้างหน้าเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ควบคู่ไปกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และการขนส่งที่เติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี ประกอบกับ บริษัทยังมีแผนจับมือกับพันธมิตรสายการบินอื่นๆ เพื่อทำโปรโมชั่นเพิ่มเติมจากเดิมมีความร่วมมือกันกับสายการบินนกแอร์ ไลน์ออนแอร์ และแอร์เอเชียไปแล้ว
ด้านนายชยันต์ อัคราทิตย์ กรรมการบริหาร บล.เอเชีย เวลท์ ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ RP คาดว่า RP จะสามารถเคาะราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO)ได้ในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งจะมีส่วนลดให้กับนักลงทุนที่สนใจซื้อหุ้นราว 20-25% และเปิดให้จองซื้อภายในปลายเดือน ต.ค.นี้ เริ่มซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ในช่วงเดือนพ.ย.58 โดยจะมีบริษัทหลักทรัพย์ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดหน่ายหุ้น RP อีก 2-3 ราย
ด้วยความโดดเด่นของธุรกิจของ RP ที่ให้บริการเดินเรือเฟอร์รี่ทั้งเกาะพะงันและเกาะสมุย ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจมากกว่า 20 ปี อีกทั้งยังมีแผนการพัฒนาธุรกิจภายหลังการระดมทุนในครั้งนี้ก็จะสนับสนุนให้บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตได้ในอนาคต จึงมีความเชื่อมั่นว่าหุ้น RP จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทั่วไปได้ ขณะเดียวกันการระดมทุนครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะหนุนให้บริษัทขยับขึ้นเป็นผู้นำในกิจการขนส่งและเดินเรือทางทะเล และขยายไปสู่ระดับภูมิภาคในอนาคต โดยเฉพาะหลังเปิดประชาคมอาเซียนปลายปีนี้ ก็คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งเกาะสมุยและเกาะพะงัน ประมาณ 2 ล้านคน และเกือบ 1 ล้านคนตามลำดับ