กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีความมั่นใจในธุรกิจ ทำให้ไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นออกมา โดยตั้งใจถือลงทุนในระยะยาว เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของ SCI มีความแข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของรายได้และกำไรสุทธิมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น 14.42 และมีกำไรสุทธิ 143.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าในครึ่งปีหลังจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดประมูล 4G การลงทุนระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นอกเหนือจากรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศที่มีเข้ามาอย่างสม่ำเสมอจากการทำธุรกิจในลาว
“การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตให้กับบริษัท โดย SCI จะนำไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน นำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า (PDSR) เฟส 2 ในลาว ซึ่งจะเริ่มต้นโครงการได้ประมาณไตรมาส 4/58 และรับรู้รายได้ทันทีในปี 59 "
นายเกรียงไกรกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า SCI จะนำเงินไปลงทุนโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาโทรคมนาคมในเมียนมาร์ โดยร่วมทุนกับพันธมิตร คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงงานได้ในปี 59 และลงทุนโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานลมในไทย ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ร่วมกับพันธมิตร ซึ่งได้รับใบอนุญาตขายไฟ (PPA) แล้ว โดย SCI จะเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 30% คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4/58 และจะเริ่มลงทุนในปี 59 กำหนดจ่ายไฟ (COD ) ในปี 62 ซึ่งจะทำให้รายได้และกำไรในปี 62 เติบโตอย่างก้าวกระโดด
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน SCI มั่นใจว่าหุ้นน้องใหม่ SCI จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯในวันพรุ่งนี้ (13 ต.ค.) จะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานธุรกิจมีความแข็งแกร่ง ผนวกกับแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคต ที่เตรียมขยายการลงทุนในลาว และเมียนมาร์ เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) และการร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทย จะมีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้รายได้และกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งผลการจองซื้อหุ้นไอพีโอในช่วงที่ผ่านมากระแสความต้องการสูงมาก ทั้งจากนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนรายย่อย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ซึ่งทำให้มั่นใจว่าการเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ จะสร้างผลตอบแทนอย่างน่าประทับใจให้กับนักลงทุน
นอกจากนี้หุ้น SCI ได้จัดอยู๋ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากรในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy) ซึ่งเป็นกลุ่มทีได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอันดับต้นๆ เมื่อผนวกกับการกำหนดราคาไอพีโอที่ระดับ 5.90 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ให้ส่วนลดกับนักลงทุนถึงร้อยละ 55.82 จาก P/E ของหลักทรัพย์ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากรในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy) ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน - 25 กันยายน 2558 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 25.64 เท่า ดังนั้นจึงเชื่อว่าหุ้นน้องใหม่ป้ายแดง SCI จะช่วยจุดพลุพร้อมช่วยสร้างกระแสให้ตลาดไอพีโอกลับมาซื้อขายอย่างคึกคักและได้รับความสนใจจากนักลงทุนได้อีกครั้ง