ประกอบด้วย แบบบ้านใหม่ในโครงการ เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ จำนวน 2 แบบ ขนาด 450 ตร.ม. และ 530 ตร.ม. ราคา 25–60 ล้านบาท ทำเล สุขุมวิท 77–สุวรรณภูมิ และรังสิต โครงการ เพอร์เฟค เพลส จำนวน 5 แบบ ขนาด 147–204 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.19 ล้านบาท ทำเล แจ้งวัฒนะ, ราชพฤกษ์, รัตนาธิเบศร์, รังสิต, รามคำแหง–สุวรรณภูมิ, สุขุมวิท 77–สุวรรณภูมิ และ พัฒนาการ–ศรีนครินทร์ และโครงการ เพอร์เฟค พาร์ค จำนวน 5 แบบ ขนาด 106–146 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.39 ล้านบาท ทำเล รังสิต, ราชพฤกษ์, สุวรรณภูมิ, บางบัวทอง และ พระราม 5–บางใหญ่
ทั้งนี้ แบบบ้านรุ่นใหม่ทั้งหมด พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “Eco Cool" เพื่อการอยู่อาศัยที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การออกแบบโดยคำนึงถึงทิศทางลม ความเย็นสบาย แสงสว่างจากธรรมชาติ ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุที่ช่วยประหยัดพลังงานและลดความร้อน อาทิเช่น อิฐมวลเบา ฝ้าเชิงชายระบายอากาศ ฝ้ายิบซั่มฟลอยด์กันความร้อน กระจกตัดแสง หลอดไฟ LED เป็นต้น ซึ่งแนวคิด Eco Concept เป็น เทรนด์การออกแบบที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม
แบบบ้านรุ่นใหม่นี้ ออกแบบโดยเน้นให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าปัจจุบันที่ชอบความเรียบง่าย ทันสมัย มีจุดเด่นอยู่ที่ฟังก์ชั่นภายในที่มีพื้นที่ใช้สอยครบถ้วน และให้ความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นภายให้บ้านที่มีพื้นที่กว้าง โปร่งโล่งด้วยเพดานสูง ห้องรับแขกและห้องอาหารเป็นพื้นที่โล่งกว้างเชื่อมถึงกัน เพิ่มฟังก์ชั่นพิเศษเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในบ้านขนาดใหญ่และขนาดกลาง เช่น ห้องนอนชั้นล่าง ห้องพักผ่อนชั้นบน ส่วนทำงาน สำหรับแบบบ้านขนาดเล็กออกแบบพื้นที่ใช้งานแบบ Flexible Function ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลายตามต้องการ ส่วนภายนอกมีการใช้เฉดสีแบบ Natural Scheme ที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ตกแต่งเพิ่ม Shading & Temper เพิ่มความหรูหรา อีกทั้งยังช่วยกันแดดและความร้อน
บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีการอยู่อาศัยที่ทันสมัย มาใช้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า โดยได้นำนวัตกรรมระบบ Active AIRflow™ จากเอสซีจี มาใช้ในบ้านรุ่นใหม่จำนวน 4 แบบ โดยนายณรงค์เวทย์ วจนพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายบริการโครงการ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่า เอสซีจีมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดได้พัฒนาระบบบ้านภายใต้แนวคิด Cool Comfort Technology เพื่อมุ่งเน้นการสร้างสภาวะอยู่สบาย และคุณภาพอากาศภายในบ้านที่ดี สอดคล้องกับวิถีการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน บ้านจึงถูกปิดไว้ทั้งวัน เกิดการสะสมความร้อน เมื่อกลับเข้าบ้านในช่วงเย็นจะรู้สึกอบอ้าว
แนวคิด Cool Comfort Technology นี้ มี 2 องค์ประกอบสำคัญ คือ 1. การออกแบบและเลือกใช้วัสดุก่อสร้างบ้าน ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย ได้แก่ การใช้ผนังอิฐมวลเบาและการติดตั้งฉนวนใยแก้วกันความร้อนบนฝ้าเพดานแบบ Low Thermal Bridge Ceiling System เพื่อสร้างกลไกการหน่วงนำความร้อนเข้าสู่ภายในตัวบ้านพร้อมทั้งการออกแบบ Green Landscape เพื่อเสริมสร้างความร่มรื่นรอบตัวบ้าน และ 2. การติดตั้งระบบ Active AIRflow™ นวัตกรรมการถ่ายเทอากาศและระบายความร้อนออกจากตัวบ้านและโถงหลังคา เร่งกลไกการระบายอากาศและความร้อนออกจากตัวบ้านได้อย่างรวดเร็ว พร้อมการควบคุมการทำงานผ่าน Smart Mobile Application และที่สำคัญระบบ Active AIRflow™ นี้ ใช้พลังงานสะอาดจาก Solar Cell เป็นพลังงานหลักในการทำงาน ด้วยการทำงานของระบบทั้งสององค์ประกอบร่วมกันนี้ ทำให้บ้านมีอากาศถ่ายเทตลอดเวลา แม้จะปิดบ้านไว้ตลอดทั้งวัน ตัวบ้านไม่อบอ้าวหรืออับชื้น ผู้อยู่อาศัยจะรู้สึกปลอดโปร่ง ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานจากการใช้เครื่องปรับอากาศลงได้ถึง 16-20% (จากการทำ Energy Simulation)
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในไตรมาส 4 นอกจากการพัฒนาแบบบ้านรุ่นใหม่แล้ว ยังมีสิทธิพิเศษทางการเงินให้กับผู้ซื้อบ้านและทาวน์เฮ้าส์ทุกโครงการ รวม 30 โครงการ ด้วย อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3% คงที่นาน 30 เดือน โดยความร่วมมือของ 4 ธนาคารชั้นนำ ได้แก่ กรุงไทย ออมสิน ธนชาต และ ยูโอบี ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ซื้อบ้านประหยัดค่าใช้จ่าย โดยจ่ายน้อยกว่าปกติเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนเงินที่จะต้องผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 5-6% โดยลูกค้าไม่ต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ย ตลอดระยะเวลา 30 เดือน นอกจากนี้ ยังจะมี Cash Back ให้กับลูกค้าเพิ่มเติมด้วย เมื่อบวกกับมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ เชื่อมั่นว่าจะมีผลในการผลักดันยอดขายของบริษัทในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้