ขณะที่บริษัทคาดว่าจะสรุปการเจรจาขายโครงการยูนิลอฟท์ที่เชียงใหม่ มูลค่า 500 ล้านบาท และการเจรจาขายที่ดินในกทม.มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท ให้กับผู้สนใจภายในปีนี้
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มธุรกิจ PF เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้ลดลงเหลือ 1.35 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.43 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศยังชะลอตัวอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อกำลังซื้อและความเชื่อมั่น ทำให้มีผลกระทบไปถึงการโอนโครงการของบริษัทชะลอออกไปด้วย โดยใน 9 เดือนที่ผ่านมามียอดโอนโครงการเพียง 6.5 พันล้านบาท และในไตรมาส 4/58 จะมีกำหนดโอนโครงการอีก 1.5 พันล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอโอน(Backlog) ที่มีอยู่ 6.7 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยโอนไปในปี 59 จำนวน 3.5 พันล้านบาท และในปี 60 อีก 1.7 พันล้านบาท
ทั้งนี้ จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวนั้นทำให้บริษัทได้พิจารณาเลื่อนการเปิดโครงการใหม่ 10 โครงการออกไปเปิดในปีหน้าแทน มูลค่าโครงการที่เลื่อนออกไปอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 7 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 3 โครงการ ทำให้ในปีนี้บริษัทมีโครงการเปิดใหม่ทั้งหมด 14 โครงการ มูลค่าโครงการรวมไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่วางแผนเปิด 24 โครงการ มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะไม่มีการเปิดโครงการใหม่แล้ว
"การที่เลื่อนเปิดโครงการแนวราบออกไปมากนั้นเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราได้ปรับลดเป้ารายได้ไปด้วย เพราะแนวราบนั้นสามารถขายแล้วโอนได้ทันที ส่วนงบซื้อที่ดินที่ตั้งไว้ประมาณ 2 พันล้านบาทนั้นตอนนี้ยังไม่ได้ใช้ เพราะว่าหลังจากการเลื่อนเปิดโครงการออกไป ก็ยังไม่จำเป็นต้องซื้อที่ดินมาเก็บไว้"นายวงศกรณ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน ทั้งจากการเลื่อนเปิดโครงการใหม่และภาวะเศรษฐกิจส่งผลให้ยอดขายพรีเซลของบริษัทได้รับผลกระทบไปด้วย จึงปรับลดเป้ายอดขายพรีเซลมาอยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านบท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.55 หมื่นล้านบาท โดย 9 เดือนแรกบริษัททำยอดขายพรีเซลได้แล้ว 8 พันล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 4/58 บริษัทจะต้องทำยอดขายพรีเซลให้ได้อีกราว 6 พันล้านบาท เพื่อทำให้ไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
สำหรับมาตราการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ออกมานั้น นายวงศกรณ์ มองว่า จะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนภาคอสังหาในช่วงที่เหลือของปีและในช่วงต้นปีหน้าขยายตัวขึ้น ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้หดตัวเล็กน้อย จากเดิมที่คาดว่าติดลบถึง 5-10% และคาดว่าปีหน้าจะขยายตัวได้ 10% จากนโยบายการให้กู้บ้านหลังแรกของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่จะสิ้นสุดปลายปี 59 แต่อาจจะมีการชะลอตัวในช่วงเดือนเม.ย.59 บ้างหลังจากมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมการจดจำนองเหลือ 0.01% สิ้นสุดลง
นอกจากนี้ มาตรการที่ออกมานั้นยังจะส่งให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อมีแนวโน้มลดลงในช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทในช่วง 2 เดือนข้างหน้าจะลดลงจากปัจจุบันอยู่ที่ 10% จากมาตรการภาครัฐเข้ามาช่วยให้ธนาคารพาณิชย์เก้ดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นและลดความเข้มงวดลงในระดับหนึ่ง
ส่วนการเจรจาขายโครงการหอพักนักศึกษายูนิลอฟท์ เชียงใหม่ กับหน่วยงานภาครัฐ มูลค่า 500 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ รวมทั้งการขายที่ดินเปล่าในกรุงเทพฯ มูลค่า 1 พันล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจซื่อ คาดว่าได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้เช่นกัน