(เพิ่มเติม) ส.ตราสารหนี้ คาดปี 59 เอกชนออกหุ้นกู้ใกล้เคียงปีนี้,เห็น Fund Flow ไหลเข้ามาพักเงิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 15, 2015 16:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (Thai BMA) คงเป้าหมายมูลค่าหุ้นกู้ระยะยาวของภาคเอกชนในปีนี้ที่ 5.2 แสนล้านบาท หลังจากช่วง 9 เดือนแรกมีการเสนอขายหุ้นกู้แล้ว 428,231 ล้านบาท โดยจำนวนรายของผู้เสนอขายหุ้นกู้ทั้งระยะสั้นละระยยาวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนในปีหน้าคาดว่ามูลค่าหุ้นกู้ระยะยาวของภาคเอกชนน่าจะใกล้เคียงปีนี้ เนื่องจากบริษัทขนาดใหญ่ออกหุ้นกู้ไปมากแล้ว จึงเชื่อว่าบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กจะออกหุ้นกู้กันมากขึ้น

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า ในปี 59 คาดมูลค่าการออกหุ้นกู้ระยะยาวของเอกชนจะอยู่ในระดับใกล้เคียงปีนี้ ที่ประมาณ 5.2 แสนล้านบาท โดยที่ผ่านมาจะเห็นบริษัทขนาดใหญ่ออกหุ้นกู้ไปมากแล้ว ดังนั้น ในปีหน้าจะเห็นบริษัทขนาดกลาง-เล็กออกมากขึ้น บริษัทใหญ่จะออกหุ้นกู้น้อยลง โดยเฉพาะบริษัทที่ต้องการคงต้นทุนทางการเงินในระยะยาว เช่น กลุ่มพลังงานทางเลือก และกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

สำหรับปี 58 นี้สมาคมฯ คาดว่ามูลค่าการออกหุ้นกู้ระยะยาวของเอกชนจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 5.2 แสนล้านบาท ลดลงจากปี 57 ที่มีมูลค่า 5.5 แสนล้านบาท โดย 9 เดือนแรกของปีนี้มีการเสนอขายหุ้นกู้แล้ว 428,231 ล้านบาท จึงเชื่อว่าทั้งปีจะถึงเป้า ซึ่งพบว่าปีนี้จำนวนผู้ออกหุ้นกู้สูงถึง 109 บริษัท หรือเพิ่มขึ้น 50% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยในจำนวนนี้มีบริษัทที่เพิ่งออกหุ้นกู้เป็นครั้งแรก (Newcomer) 30 บริษัท เพิ่มขึ้น 70%

ขณะที่ตราสารหนี้ระยะสั้นมียอดการออกในงวด 9 เดือน ที่ 638,976 ล้านบาท จำนวน 165 บริษัท เพิ่มขึ้น 42% ส่งผลให้ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 58 มีจำนวนผู้ออกตราสารหนี้ภาคเอกชนทั้งระยะสั้นและระยะยาวสูงถึง 274 บริษัท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ด้านเงินลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ไทยลดลง (outflow) งวด 9 เดือนรวม 104,421 ล้านบาท แบ่งเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น 68,885 ล้านบาท (จากการขายสุทธิ 1.15 หมื่นล้านบาท หมดอายุ 5.73 หมื่นล้านบาท) และตราสารหนี้ระยะยาว 35,535 ล้านบาท

นายธาดา กล่าวว่า สิ่งที่น่าสนใจคือ 12 วันแรกของเดือน ต.ค. กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้ามาในตราสารหนี้ การถือครองของนักลงทุนต่างชาติในตราสารหนี้เพิ่มขึ้นรวม 52,182 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของตราสารหนี้ระยะสั้นจำนวน 41,183 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าเป็นการเข้ามาพักเงินทุนในช่วงสั้นของต่างชาติหลังคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปลี่ยนแปลงไป ซึ่ง Inflow ที่ไหลเข้าเป็นช่วงที่เฟดออกมาบอกจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเทียบสกุลเงินอื่น

ส่วนจากนี้ถึงสิ้นปี หรือแนวโน้มทั้งปีนี้ ต่างชาติจะเป็น Inflow หรือไม่ ขึ้นอยู่กับเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเมื่อไร เรื่องเฟดตอนนี้ถือเป็นความไม่แน่นอนในแวดวงการเงินโลกที่ยังสร้างความผันผวนและเป็นปัจจัยเสี่ยงอยู่

"flow ที่เข้าเชื่อว่าเป็นการไหล ณ จุดอัตราแลกเปลี่ยนลงลึกมาก ทะลุ 36 บาทนิดๆ จากเดิมที่เงินไหลออก 1 แสนกว่าล้านบาท ช่วง 9 เดือน เพราะคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต.ค.แต่พอเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยสัญญาณเริ่มอ่อนลง ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงเทียบสกุลอื่น บาทเริ่มแข็งจากเดิมกลัวไป 36 บาท/ดอลลาร์ ก็เหลือ 35 บาท/ดอลลาร์ ส่วนทั้งปีต่างชาติจะเป็น inflow หรือเปล่า เชื่อว่ายังเป็น net sell เพราะถ้าคาดการณ์สหรัฐฯจะขึ้นดอกเบี้ยจะกระทบทุกจุด แต่ถ้าเฟดพูดชัดไม่ขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ ก็จะสร้างความมั่นใจในตลาดได้และปี 59 ก็อาจเห็นการไหลกลับเข้ามาก จนมากกว่าไหลออกของ 9 เดือน"นายธาดา กล่าว

ด้านความอัตราผลตอบแทน (yield) พันธบัตรรัฐบาล ณ 12 ต.ค.58 พบว่า yield ของพันธบัตรระยะสั้นถึงกลาง (อายุคงเหลือน้อยกว่า 5 ปี) ปรับตัวลดลง ประมาณ 43-54 basis points เมื่อเทียบกับสิ้นปี 57 ตามการลดลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ yield ของพันธบัตรระยะยาว (อายุคงเหลือตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป) ปรับตัวลดลงเช่นกันประมาณ 1-8 basis points จากความผันผวนของสถานการณ์ในต่างประเทศ เช่น ความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการเปลี่ยนแปลงคาดการณ์ต่อการเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ไปในปีหน้าจากที่คาดขึ้นปีนี้

"แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในช่วงไตรมาส 4/58 บริษัทเอกชนจะระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้จะเพิ่มขึ้น โดยกระจายไปยังบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมอย่างต่อเนื่อง หมวดธุรกิจที่มีแนวโน้มออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค เนื่องจากมีการขยายตัวทางธุรกิจค่อนข้างมากและดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ"นายธาดา กล่าว

สำหรับทิศทางอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ในช่วงไตรมาส 4/58 คาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นจะยังทรงตัวตามทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะยังคงระดับเดิม ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวมีความผันผวนน่าจะปรับตัวสูงขึ้นจากแนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในต้นปี 59


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ