ทั้งนี้ WHA ได้แต่งตั้งธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย(CIMBT) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมี CIMBT และธนาคารกรุงไทย (KTB) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriters) โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติการจัดตั้งแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถเสนอขายได้ภายในปลายเดือน ต.ค.นี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในเดือน พ.ย.58
อาคารสำนักงานเอสเจ อินฟินิท วัน บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ ตั้งอยู่ในย่านถนนวิภาวดี เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อปี 57 มีทั้งหมด 30 ชั้น โดยมีพื้นที่รวม 42,905 ตารางเมตร และพื้นที่ให้เช่าสุทธิ 21,673 ตารางเมตร และมีบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศสนใจมากมาย โดยอยู่ในอุตสาหกรรมที่สำคัญ อาทิเช่น อุตสาหกรรมกลุ่มพลังงาน โทรคมนาคม สื่อสารและมีเดีย รวมทั้งธุรกิจสายการบิน เป็นต้น
ส่วนอาคารบางนา บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ เป็นรูปแบบ Built-to-suit ก่อสร้างแล้วเสร็จปี 57 อาคารดังกล่าวมี 7 ชั้น โดยมีพื้นที่รวม 9,875 ตารางเมตร และพื้นที่ให้เช่าสุทธิ 8,578 ตารางเมตร ทั้งนี้อาคารดังกล่าวมีบริษัท ฮิตาชิ เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัดเป็นผู้เช่ารายใหญ่ โดยการเช่าพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็นพื้นที่ 70% โดยมีสัญญาเช่า 10 ปี จนถึงปี 67
นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA กล่าวว่า กองทรัสต์ WHABT จะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุน ด้วยการรับประกันกำไรจากการดำเนินงานเป็นระยะเวลา 9 ปี สำหรับโครงการ เอสเจ อินฟินิท วัน บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ส่วนโครงการบางนา บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ รับประกันเป็นระยะเวลา 6 ปี
ถือเป็นการจัดตั้งกองทรัสต์ที่ลงทุนในอาคารสำนักงานให้เช่าเป็นกองแรกที่จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและยังเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอาคารสำนักงานในทำเลที่มีศักยภาพกว่า 88% ของขนาดทรัพย์สินที่จะลงทุน การเดินหน้าเสนอขายสินทรัพย์เข้ากองรีทส์ต่อเนื่อง ถือว่าเป็นการตอกย้ำการขยายธุรกิจแบบยั่งยืน และการตั้งกอง WHABT ในครั้งนี้เป็นการนำอาคารสำนักงานที่มีความพร้อมในทุกด้าน และตั้งอยู่บนจุดศูนย์กลางด้านคมนาคม เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ลงทุนได้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี ผลตอบแทนสูงในระยะยาว
นายพรชัย ปัทมินทร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจขนาดใหญ่ CIMBT เปิดเผยว่า วันที่ 19 ต.ค.จะมีการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) ให้กับนักลงทุนสถาบันเพื่อกำหนดราคาเสนอขายหน่วยลงทุน WHABT พร้อมคาดว่าจะสามารถเปิดจองซื้อภายในปลายเดือ ต.ค.นี้ และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ประมาณกลางเดือน ก.ย.58 ซึ่งล่าสุด ก.ล.ต.อนุมัติให้เสนอขายแล้ว โดยจะมีการเสนอขายหน่วยลงทุน 202 ล้านหน่วย มูลค่ารวมไม่เกิน 2,525 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนให้กับนักลงทุนทั่วไป 60% นักลงทุนสถาบัน 25% และ WHA ถือ 15%
ด้านนายปิยะพงศ์ พินธุประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า มั่นใจอัตราปันผลตอบแทนจากการลงทุนใน WHABT จะไม่ต่ำกว่า 6% นาน 6-9 ปี ซึ่งถือว่ามากกว่ากลุ่มกองรีทในลักษณะเดียวกัน โดยบริษัทมีการการันตีปันผลจากผลประกอบการของ อาคารสำนักงานเอสเจ อินฟินิท วัน บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ที่ 6% นาน 9 ปี อาคารบางนา บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ที่ 8% เป็นเวลา 6 ปี
"yeild ของกอง WHABT จะสูงกว่ากองอื่นๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน โดยรายอื่นจะมี yeild ประมาณ 5-8% แต่ส่วนใหญ่เป็น Lease Hold 30 ปี เท่ากับว่า yeild ที่แท้จริงต้องลบออก 3% เพราะสินทรัพย์ไม่ได้อยู่ถาวร เท่ากับจะเหลือเพียง 2-5% เท่านั้น ขณะที่ของเราหากประเมินจากผลประกอบการที่อัตราการเช่าระดับ 100% จะอยู่ที่ราว 4% แต่ทาง WHA ได้มีการกำหนดนโยบายใส่เงินเข้ามาในกอง เพื่อการันตี yeild ไม่ให้ต่ำกว่า 6% ถือว่าน่าสนใจลงทุน ขณะที่กองของเราเป็น Free Hold ซึ่งจะได้ประโยชน์จากราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นทุกปีและจะมีการขึ้นค่าเช่าราว 10-15% ทุก 3 ปี เพราะฉะนั้นหากประเมินคร่าวๆ ปีที่ 7 เป็นต้นไป yeild อาจจะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 7-8%"นายปิยะพงศ์ กล่าว ทั้งนี้ ปัจจุบัน อาคารสำนักงานทั้ง 2 แห่ง มีอัตราการเช่าที่ 70% คาดว่าสิ้นปีนี้จะแตะระดับ 90% และครบ 100% ช่วงต้นปี 2559
ด้านนางจรีพร อนันตประยูร กรรมการและกรรมการผู้จัดการ WHA กล่าวเสริมว่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์ในกอง WHABT เป็น 1 หมื่นล้านบาทภายใน 2-3 ปี โดยใช้สินทรัพย์ที่เกิดจากการพัฒนาเองจากที่ดินในมือ รวมถึงมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการที่มีคุณภาพเพิ่มเติม ขณะเดียวที่บริษัทตั้งงบลงทุนราว 6 พันล้านบาทในปี 59 เพื่อพัฒนาพื้นที่ในนิคมเพิ่มเติมทั้งที่เป็นในส่วนของ WHA และ HEMRAJ ซึ่งมีที่ดินเปล่าจำนวน 1.1 หมื่นไร่ โดยพื้นที่ดังกล่าวได้รับ BOI แล้วถึง 9 พันไร่
นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน WHA กล่าวว่า เงินที่ได้จากการขายกอง WHABT ซึ่งสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ จะเหลือประมาณ 2 พันล้านบาท โดยจะนำไปชำระหนี้สถาบันการเงินทันที และไม่บันทึกในงบกำไรขาดทุน แต่จะไปลดมูลค่าหนี้ในงบดุลของบริษัทแทน
นอกจากนี้ในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้ WHA มีแผนจะเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (Road show) ให้กับนักลงทุนสถาบันต่างชาติที่ฮ่องกง โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็น 20% ภายในปี 59 จากปัจจุบันอยู่ที่ 15%