(เพิ่มเติม) S เล็งจับมือพันธมิตรขยายธุรกิจโรงแรมหลังซื้อในอังกฤษ มั่นใจปีหน้ากำไรแน่

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 19, 2015 14:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สิงห์เอสเตท(S)ประกาศรุกขยายธุรกิจโรงแรม หลังจับมือพันธมิตรซื้อเครือ"เมอร์เคียว"ในอังกฤษ เผยพันธมิตรอีกรายทาบทามให้ร่วมเข้าซื้อโรงแรมในอังกฤษหรือฝรังเศสเพิ่มอีกคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 59 มั่นใจปีหน้าสร้างผลกำไรให้กับภาพรวมบริษัทจากที่ปีนี้ยังต้องลุ้นว่าจะมีกำไรหรือไม่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่ยังเดินหน้าเจรจาซื้อโครงการอสังหาริมทร้พย์ในประเทศอยู่อีก 4-5 ราย ซึ่งภายในปีนี้น่าจะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 ราย

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร S เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 59 จะพลิกกลับมามีกำไร จากปีนี้ที่ยังต้องลุ้นว่าผลการดำเนินงานทั้งปีจะมีกำไรได้หรือไม่ โดยในปีหน้าบริษัทจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าลงทุนเครือโรงแรมเมอร์เคียวในอังกฤษทั้ง 26 แห่งที่บริษัทได้ลงทุนภายใต้การร่วมทุนกับ FICO Holding (UK) Limited จัดตั้งบริษัทร่วมทุน FS JV Co Limited สัดส่วนถือหุ้น 50:50 คาดว่าจะสามารถบันทึกส่วนแบ่งกำไรเต็มปีที่ 400-500 ล้านบาท/ปี จากปีนี้ที่รับรู้เพียงส่วนหนึ่ง

ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 58 ยังไม่มั่นใจว่าจะพลิกกลับมากำไรได้หรือไม่ จากปีก่อนที่ขาดทุน 250.78 ล้านบาท และครึ่งแรกของปีนี้ยังขาดทุน 125.24 ล้านบาท ซึ่งการจะมีกำไรกลับมาในปีนี้ได้นั้นจะต้องดูว่าการเปิดตัวโครงการบียอนด์ 3 ย่านพระราม 2 ภายใต้ บริษัท เนอวานา ในช่วงไตรมาส 4/58 จะทำยอดขายที่ดีหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้รวมลงเหลือ 3 พันล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 4 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากภาวะของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ดีมาตั้งแต่ต้นปี เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลต่อความมั่นใจและการตัดสินใจซื้อ ทำให้บริษัทไม่สามารถเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่จะสร้างรายได้ในช่วง 9 เดือนผ่านมา ทำให้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์หายไปราว 1 พันล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจที่ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อยู่ คือ ธุรกิจโรงแรม และอาคารสำนักงานให้เช่าในประเทศที่เปิดดำเนินงานในปัจจุบัน ได้แก่ โรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ กระบี่ ที่ยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเรื่อง และโรงแรมสันติบุรี สมุย ที่มีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นจาการปรับกลยุทธ์กระจายสัดส่วนนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาชดเชยนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่ลดลง และอาคารซันทาวเวอร์ที่ยังมีอัตราการเช่าที่ดี แม้ว่าราคาเช่าพื้นที่จะยังต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของตลาดในบริเวณโดยรอบ แต่บริษัทจะมีการทยอยปรับเพิ่มขึ้นในอนาคตต่อไปให้ใกล้เคียงกับราคาตลาด

ส่วนแผนการขยายธุรกิจโรงแรมในอนาคต บริษัทตั้งเป้าจะมีโรงแรมทั้งหมดทั้งในและต่างประเทศ 65 แห่งภายในปี 63 แบ่งเป็นโรงแรมภายใต้การบริหารของ S จำนวน 15 แห่ง และโรงแรมภายใต้การบริหารของกลุ่มอื่นอีก 50 แห่ง โดยในปี 62 บริษัทจะมีโรงแรมเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 50 แห่ง จำนวนห้องพัก 5,000 ห้อง โดยจะเน้นการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งให้ผลตอบแทนกลับมาได้รวดเร็ว

ปัจจุบันมีพันธมิตรรายอื่นได้มีการทาบทามบริษัทเพื่อร่วมลงทุนเข้าซื้อโรงแรมในประเทศอังกฤษหรือฝรั่งเศสเพิ่มเติมอีก คาดว่าอาจจะได้เห็นความชัดเจนในปี 59 โดยการเข้าซื้อกิจการโรงแรมดังกล่าวบริษัทคาดหวังผลตอบแทน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 20%

"ตอนนี้เราก็พยายามบริหารพอร์ตสัดส่วนรายได้ของเราอยู่โดยตอนนี้รายได้เราส่วนใหญ่มาจากรายได้ประจำจากโรงแรมและออฟฟิศเป็นหลัก แต่รายได้เกการขายอสังหายังน้อยอยู่ เพราะยังไม่ได้มีการเปิดขายโครงการใหม่ๆ ก็เพิ่งเปิดไปแค่ 1 โครงการ คือ The ESSE Asoke ที่ยอดขายดีกว่าที่คาดไว้ ส่วยสัดส่วนรายได้ในระยะยาวถ้ามองไปเราก็อยากให้มี Recurring income กับรายได้จากการขายในปี 63 ที่ 50:50 เป็นสัดส่วนที่บาลานซ์กันดี"นายนริศ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศอีก 4-5 ดีล และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 ดีล ซึ่งเป็นอสังหาริทารัพย์ประเภทโรงแรมหรืออาคารสำนักงาน ฃ

อีกทั้งในปี 60 บริษัทวางแผนที่จะจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) จำนวน 2 กอง ซึ่งกองแรกจะนำสินทรัพย์ไนประเทศขายเป็นสินทรัพย์ของกอง REIT และอีกกองเป็นกองที่จัดตั้งในต่างประเทศ โดยนำสินทรัพย์ที่อยู่ไนต่างประเทศขายเป็นสินทรัพย์ ซึ่งกอง REIT แต่ละกองจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อให้มีสภาพคล่องที่ดี

นายนริศ กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมภาคอสังหาริมทรัพย์ไนประเทศปี 59 มองว่าจะมีแนวโน้มค่อยๆฟื้นตัวขึ้นจากปีนี้ หลังจากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ออกมา และรัฐบาลมีการผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวขึ้น จากการลงทุนต่างๆของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยให้ความเชื่อมั่นปรับตัวกลับมาดีขึ้น จากป์นี่ที่ความเชื่อมั่นหดตัวลง ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ของผู้ซื้อ

และแนวโน้มหากเศรษฐกิจดีขึ้นก็เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์จะค่อยๆ ลดความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อลง ซึ่งปีนี้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งเข้มงวดการปล่อยสินเชื่ออย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยเช่นกัน


แท็ก อังกฤษ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ