ส่วนผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 3/58 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 10,117 ล้านบาท ลดลง 19.17% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 58 โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 33,997 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 6.05% เนื่องจากในงวดนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจำนวน 7,193 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,820 ล้านบาท หรือ 2.97% โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.66% ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 6,393 ล้านบาท หรือ 15.38% เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ และรายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดเงินและตลาดทุนที่เพิ่มขึ้น สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Efficiency ratio) ในงวดนี้อยู่ที่ระดับ 42.1%
ณ วันที่ 30 ก.ย.58 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 2,538,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 26,955 ล้านบาท หรือ 1.07% และเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2557 จำนวน 149,541 ล้านบาท หรือ 6.26% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินสุทธิและเงินให้สินเชื่อ โดยมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,577,781 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 57 จำนวน 50,701 ล้านบาท หรือ 3.32%
ขณะที่เงินรับฝากมีจำนวน 1,677,008 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 57 จำนวน 47,177 ล้านบาท หรือ 2.89% โดยเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ณ วันที่ 30 ก.ย.58 อยู่ที่ระดับ 2.62% ขณะที่ไตรมาสก่อนและสิ้นปี 57 อยู่ที่ระดับ 2.39% และ 2.24% ตามลำดับ โดยในงวดนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 30 ก.ย.58 อยู่ที่ระดับ 131.63% ขณะที่ไตรมาสก่อนและสิ้นปี 57 อยู่ที่ระดับ 138.13% และ 141.38% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ณ วันที่ 30 ก.ย.58 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 17.73% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 14.61%