ธ.กรุงเทพ ระบุว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3/58 ธนาคารมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมี จำนวน 14,441ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.14% ส่วนใหญ่เป็นผลจากเงินรับฝากประจำที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงครบกำหนดจึงทำให้ต้นทุนเงินรับฝากลดลง รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 12,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% ส่วนใหญ่จากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 10,948 ล้านบาท ลดลง 5.5% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงเป็น 40.9%
ด้านเงินกองทุน ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจภายใต้ภาวะปกติและภาวะวิกฤต โดยหากนับรวมกำไรสุทธิของไตรมาส 3/58 เข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณ 18.6% ,16.6% และ 16.6% ตามลำดับ
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/58 เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งตัวของการลงทุนและการใช้จ่ายของภาครัฐและภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงขยายตัวได้ดีอย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงได้รับผลกระทบทั้งจากปัญหาการชะลอลงของประเทศคู่ค้าที่สำคัญ โดยเฉพาะจีน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับลดลง รวมถึงปัญหาภัยแล้ง ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ส่งผลให้การใช้จ่ายและการลงทุนชะลอออกไป
จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ส่งผลให้เงินให้สินเชื่อของธนาคาร ณ สิ้นเดือนก.ย.58 มีจำนวน 1,809,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20,270 ล้านบาท หรือ 1.1% จากสิ้นเดือนมิ.ย.58 และสินเชื่อด้อยคุณภาพมีจำนวน 58,112 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อที่ 2.8% เพิ่มขึ้นจาก 2.5% ในไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงเน้นการบริหารความเสี่ยงด้านคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่ เหมาะสม ด้วยการให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือลูกค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ซึ่งธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังโดยมีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.ธนาคารมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 10,773 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็น 172.5% และอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 5.5% ด้านสภาพคล่อง ธนาคารมุ่งเน้นความสำคัญในด้านการบริหารสภาพคล่องให้เพียงพอควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนให้เหมาะสม ณ สิ้นเดือนก.ย.58 ธนาคารมีเงินรับฝากจำนวน 2,068,240 ล้านบาท ลดลง 2.8% จากสิ้นไตรมาส 2/58 ส่งผลให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากเพิ่มขึ้นจาก 84.1% ณ สิ้นเดือนมิ.ย.58 เป็น 87.5%
ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 30 ก.ย.58 มีจำนวน 355,048 ล้านบาท คิดเป็น 12.6% ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 186.00 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 16.53 บาท จากสิ้นปี 57