โดยที่ดินที่จะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมมีแล้วจำนวน 3 แปลง รวมมูลค่า 4,000 กว่าล้านบาท ได้แก่ ลาดพร้าวซอย 4 ราว 1 ไร่ คอนโดฯ 8 ชั้น,รัตนาธิเบศร์ 3 ไร่ และกาญจนาภิเษก 7 ไร่ คอนโดฯ 2 ตึก ที่เหลือจะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งมีที่ดินครบแล้วในกรุงเทพฯ ส่วนอีก 2-3 โครงการ จะพิจารณาแถว จ.ระยอง ชลบุรี บริเวณใกล้นิคมอุตสาหกรรม
ในปี 59 ตั้งงงบซื้อที่ดินที่ 5-6 พันล้านบาท ใกล้เคียงปี 58 ที่ 5 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ใช้งบซื้อที่ดินในปีนี้ไปแล้วกว่า 4 พันล้านบาท ส่วนแผนงานปี 59 เตรียมที่จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเดือนธ.ค.นี้
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้ บริษัทคาดว่ายอดรับรู้รายได้จะหย่อนเป้าเดิมเล็กน้อย โดยเดิมตั้งเป้ารับรู้รายได้ปีนี้ที่ 2.1-2.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปีนี้เลื่อนเปิดโครงการไป 4 โครงการ มูลค่ารวม 1,100 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแนวราบในกรุงเทพฯ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียมที่จ.เชียงใหม่ 1 โครงการ เนื่องจากการพัฒนาไม่แล้วเสร็จทันในปีนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็หวังว่ามาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่มีออกมาจะช่วยทำให้เร่งการโอนโครงการได้มากขึ้นในช่วงไตรมาส 4/58 ซึ่งจะช่วยหนุนให้ยอดรับรู้รายได้เป็นไปตามเป้าได้ โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (backlog) 12,000 ล้านบาท จะรับรู้ในไตรมาส 4/58 นี้ ราว 3,000 ล้านบาท และปี 59 ราว 4,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือรับรู้ปีถัดไป
ล่าสุด บริษัทได้เปิดโครงการคอนโดมีเนียมหรู"คิว สุขุมวิท" มูลค่าโครงการ 9,400 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายเมื่อจบสิ้นปีนี้ที่ 40% หรือ 3,200 ล้านบาท โดยปัจจุบันขายได้แล้ว 20% หรือ 1,600 ล้านบาท ในอีก 2 เดือนครึ่งคาดขายได้อีก 20% โดยโครงการนี้จะเป็นโครงการสุดท้ายของปีนี้ ก็ซึ่งก็ทำให้บริษัทเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ได้ 22 โครงการ รวมมูลค่า 27,600 ล้านบาท ลดลงจากเป้าเดิมที่จะเปิด 26-27 โครงการ
สำหรับยอดขาย 9 เดือน อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท จากตั้งเป้าทั้งปีที่ 2.2-2.3 หมื่นล้านบาท ก็คาดว่าจะได้ตามเป้าหมายเนื่องจากยังมีเวลาอีก 2 เดือนครึ่งที่จะทำยอดขายได้อีกราว 8,000 ล้านบาท
"9 เดือน ยอดขาย 1.5 หมื่นล้านบาทแล้ว หวังโครงการ"คิว สุขุมวิท"ยอดขาย 3,200 ล้านบาท มีเวลาอีก 2 เดือนครึ่งต้องได้ยอดขายรวมอีก 8,000 ล้านบาท ที่จะทำได้ตามเป้า 2.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่มาตรการรัฐฯก็จะช่วยให้การขายอสังหาฯประสบความสำเร็จเร็วขึ้น"นางสุวรรณา กล่าว
นางสวุรรณา กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีสต็อกโครงการในมือที่อยู่ในข่ายที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการคอนโดฯ 2,000 ยูนิต ซึ่งเชื่อว่าจะผลักดันให้มียอดขายเพิ่มขึ้นได้ ส่วนสต็อกบ้านพร้อมขายมูลค่ารวมอยู่ที่ 3 พันกว่าล้านบาท
ทั้งนี้ สัดส่วนการพัฒนาโครงการของบริษัทจะรองรับลูกค้าระดับไฮเอนท์ 20-25% ระดับกลาง 35-40% และพรีเมี่ยมอีโคโนมี 40%
ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทเตรียมงบการตลาดสำหรับโครงการ"คิว สุขุมวิท"ไม่เกิน 10 ล้านบาท ทำมาร์เก็ตติ้ง จัดงานเชิญลูกค้าศักยภาพของ QH และซีบีริชาร์ด เข้ามาชมโครงการ และจัดทำประชาสัมพันธ์ในระยะ 2 เดือนนี้ โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อทุกสัปดาห์จะจัดอีเวนท์เจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนท์ช่วงโค้งสุดท้ายนี้ ถึงแม้มาตรการช่วยอสังหาริมทรัพย์ภาครัฐจะไม่มีผลต่อโครงการนี้ แต่เชื่อว่าจะช่วยในด้านความเชื่อมั่นมากขึ้น
โครงการ"คิว สุขุมวิท"คอนโดมีเนียมระดับซุปเปอร์ลักซ์ชูรี่ ในพื้นที่ 3 ไร่ ตึกสูง 40 ชั้น จำนวน 273 ยูนิต ขนาด 2-4 ห้องนอน ห้องเพ้นเฮ้าส์ จัดสรรพื้นที่เริ่มต้น 92-296 ตร.ม. ราคาไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท/ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท/ยูนิต เริ่มก่อสร้างแล้ว คาดก่อสร้างเสร็จมี.ค.61