ทั้งนี้ GTB เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกำเนิดไอน้ำ(Steam Boiler) ระบบเผาไหม้(Combustion Engineering) งานวิศวกรรมพลังงานความร้อน(Thermal Energy Engineering) อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และงานบริการเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดไอน้ำ มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 240 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญ 960 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท โดยมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 180 ล้านบาท
นายสมภพ เชื่อว่าหุ้น GTB จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทต้องการระดมทุนไปใช้เพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานให้สามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมได้อย่างแข็งแกร่ง และช่วยส่งเสริมให้บริษัทวางแผนการขยายงานในอนาคตได้เป็นอย่างดี ซึ่งที่ผ่านมา GTB มีการเติบโตต่อเนื่องตามอุตสาหกรรมทุกประเภทที่ต้องการใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ และบริการที่เกิดจากความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของบริษัท ส่งผลให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมามีรายได้รวมรวมทั้งปี 962.29 ล้านบาท กำไรสุทธิ 49.73 ล้านบาท ขณะที่ 6 เดือนแรกของปี 58 บริษัทมีรายได้แล้วกว่า 412.90 ล้านบาท กำไรสุทธิ 24.63 ล้านบาท และยังมีงานที่ยังไม่ส่งมอบอยู่ระหว่างการดำเนินงานอีกจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่างานในมือ (Backlog) อีกประมาณ 427 ล้านบาท ทำให้คาดว่าผลงานในปีนี้จะเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา
ด้านนายสุชาติ มงคลอารีย์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GTB กล่าวว่า นอกจากบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อต่อยอดโอกาสการดำเนินงานทั้งปัจจุบันและในอนาคต รองรับความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะ AEC จีน และเอเชียใต้ที่ยังมีความต้องการจำนวนมากแล้ว
บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะวิจัยและพัฒนาสินค้า การพัฒนาโปรแกรมการออกแบบทางวิศวกรรมให้เหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้าแต่ละประเภท ตลอดจนคำนึงถึงการผลิตพลังงานสะอาดจากพลังงานทดแทนเพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปอีกด้วย
“บริษัทมีแผนจะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ AEC ที่มีความต้องการงานด้านวิศวกรรมจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมหลายๆประเภท โดยปัจจุบันบริษัทมีจำหน่ายไปต่างประเทศทั่วโลก อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย ปากีสถาน บังคลาเทศ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรต เป็นต้น ซึ่งมองว่าหากบริษัทได้ต้นทุนทางการเงินที่มีศักยภาพ เช่น เงินที่ได้จากการระดมทุน เชื่อว่าจะยิ่งช่วยผลักดันให้การดำเนินงานของบริษัทเติบโตอย่างมีศักยภาพตามเป้าหมาย และช่วยให้สามารถแข่งขันในต่างประเทศได้อย่างแข็งแกร่ง"นายสุชาติ กล่าว
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ที่จะเติบโตมากกว่าจากปี 57 ที่มีรายได้รวม 962.29 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20% ซึ่งในอนาคตหากบริษัทมีการขยายการจำหน่ายไปยังต่างประเทศมากขึ้นน่าจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ