SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,415.80 ลดลง 2.83 จุด(-0.20%)มูลค่าการซื้อขาย 30,605.52 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดปรับฐานลง-วอลุ่มบางหลังการปรับขึ้นมาต่อเนื่องหลายวันทำให้ P/E สูงขึ้นมาเป็น 16 เท่า ประกอบกับ รับแรงกดดันจากความกังวลผลประกอบการกลุ่มพลังงาน แบงก์ วัสดุก่อสร้างจะออกมาแย่ แนะติดตามผลประชุม ECB และสต็อกน้ำมันสหรัฐ คาดพรุ่งนี้ยังแกว่งกรอบแคบต่อ ให้กรอบ 1,410-1,430 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,415.80 จุด ลดลง 2.83 จุด(-0.20%)มูลค่าการซื้อขาย 30,605.52 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกช่วงต้นภาคเช้า ก่อนจะไหลลงมาเคลื่อนในแดบลบจนกระทั่งปิดตลาด โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,424.29 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,412.28 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 361 หลักทรัพย์ ลดลง 536 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 354 หลักทรัพย์
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับฐานลงด้วยปริมาณการซื้อขายที่ไม่มากนัก หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาหลายวันทำการ ส่งผลให้ P/E ของตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมาอยู่ที่ 16 เท่า จึงมองว่าราคาระดับปัจจุบันแพงแล้ว ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของ 3 กลุ่มหลัก คือ พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และ วัสดุก่อสร้าง น่าจะออกมาไม่ดีนัก ส่งผลให้ตลาดฯวันนี้ปรับฐานลงมา
ส่วนปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ต.ค.ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร รวมไปถึงรายงานสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯด้วย
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (22 ต.ค.) นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า ดัชนีฯมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบในรูปแบบเดียวกันกับวันนี้ แต่ยังต้องติดตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศในคืนนี้ก่อน พร้อมให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,410-1,430 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
SCI มูลค่าการซื้อขาย 1,440.12 ล้านบาท ปิดที่ 8.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
IFEC มูลค่าการซื้อขาย 1,338.48 ล้านบาท ปิดที่ 11.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
TIPCO มูลค่าการซื้อขาย 1,230.01 ล้านบาท ปิดที่ 23.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,118.37 ล้านบาท ปิดที่ 185.00 บาท ลดลง 2.50 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,072.83 ล้านบาท ปิดที่ 470.00 บาท ลดลง 6.00 บาท