นางสาวปิ่นมณี เมฆมัณฑนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด คาดว่าเอเอสเอ็นฯ จะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ต่อก.ล.ต.ในเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ เพื่อขายหุ้น IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท หรือคิดเป็น 23.07% โดยคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายใน mai ในช่วงไตรมาส 1/59
บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาใช้ในการขยายพื้นที่ และอุปกรณ์ รองรับการเพิ่มจำนวน Call center เป็น 500 ราย ,การลงทุนด้านไอที และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ คาดว่าเอเอสเอ็นฯ จะเป็นบริษัทที่จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีนับตั้งแต่ก่อตั้ง และถือว่าเป็นบริษัทนายหน้าประกันภัยและประกันชีวิตรายแรกที่นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงถือเป็นอีกบริษัทที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มในอนาคตที่ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีกมาก ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ และการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ที่จะทำให้ประชาชนหันมาให้ความความสำคัญและสนใจในการทำประกันชีวิตมากขึ้น
เอเอสเอ็นฯ มีทุนจดทะเบียน 65 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 260 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 50 ล้านบาท โดยในปี 57 บริษัทมีเบี้ยรับรวม 887.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.17% จากปี 56 โดยในปีที่ผ่านมามีรายได้รวมทั้งสิ้น 153 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 21 ล้านบาท
นายธวัชชัย ชีวานนท์ กรรมการผู้จัดการ เอเอสเอ็นฯ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย ประกันภัยรถยนต์ และประกันชีวิต โดยมีสัดส่วน 75% เป็นเบี้ยประกันวินาศภัยประกันภัยรถยนต์ และ 25% เป็นประกันชีวิต ซึ่งในปี 58 ตั้งเป้ายอดเบี้ยรับประกันรวมจะโตขึ้น 25% หรือคิดเป็นตัวเลข 1,100 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตขึ้นในอัตรา 25% เช่นเดียวกันในปี 59
"ตลอดปี 58 จนถึงขณะนี้ เบี้ยรับรวมยังคงเติบโตใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้ แม้จะเผชิญกับความท้าทายด้านภาพรวมเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงชะลอตัว และแม้ในช่วงครึ่งปีหลังภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่สดใส แต่เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว โดยส่วนหนึ่งคือการจับมือ 5 พันธมิตรในธุรกิจประกัน จัดหาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่เป็นสินค้าเฉพาะของ เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ กับพันธมิตร ที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และนั่นจะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ"นายธวัชชัย กล่าว
นายธวัชชัย กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังได้รับผลดีจากที่ผู้ประกอบการรถยนต์ค่ายใหญ่ต่างเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดแสดงนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านยานยนต์ ซึ่งจะกระตุ้นให้ยอดขายประกันภัยรถยนต์ปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และถึงแม้ภาพรวมตลาดรถยนต์ใหม่ๆ จะไม่โต แต่ประเมินว่าตลาดนี้ใหญ่มากพอที่จะเป็นช่องทางให้บริษัทเติบโตในธุรกิจประกันวินาศภัยประกันภัยรถยนต์ต่อไปได้ ด้วยการปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในแต่ละช่วงเวลา และจัดเตรียมเครื่องมือต่างๆ ให้สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้า
สำหรับทั้งปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโต 10% จากปีก่อน โดยบริษัทขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งการหาลูกค้าใหม่ และรักษาฐานลูกค้าเก่า ที่มีสัดส่วนอย่างละ 50% โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะใช้ในการขยายธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยประกันภัยรถยนต์ และประกันชีวิต พร้อมกับลงทุนพัฒนาระบบ "ฐานข้อมูลอัจฉริยะ" ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลระบบไอทีที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า ได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เหมาะกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มโอกาสปิดการขายได้มากขึ้น
โดยบริษัทยังเตรียมลงทุนขยายพื้นที่ และอุปกรณ์ มูลค่าราว 30-40 ล้านบาท เพื่อเพิ่มจำนวนพนักงาน Call center เป็น 500 ราย ในปี 59 จากปัจจุบันมีพนักงงาน Call center อยู่ราว 400 ราย ในขณะเดียวกันยังเตรียมเพิ่มประสิทธิภาพการด้านไอทีอีก 30-40 ล้านบาท
"การตัดสินใจระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของบริษัท ที่จะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของ เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ มีโอกาสเติบโตได้ดียิ่งขึ้นบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทมีผลประกอบการที่ขยายตัวต่อเนื่องทุกปี เมื่อผนึกกับการมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้นจะเพิ่มความสามารถในการต่อยอดธุรกิจในอนาคตได้เป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่า เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเมื่อมีการเปิดให้จองซื้อหุ้นและเข้าซื้อขายในอนาคต"นายธวัชชัย กล่าว