ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าซื้อโรงไฟฟ้าให้ครบ 5 โรงในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างแจรจาอยู่ทั้งหมด 20 โรง โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีหน้าไม่เกิน 2 โรง ซึ่งจะเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส ที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออก และภาคใต้
"หลังจากที่เราเจรจาเข้าถือหุ้นในโรงไฟฟ้าโรงแรกเรียบร้อยแล้ว เราก็มีแผนที่จะเข้าซื้อโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันเราเจรจาอยู่ทั้งหมด 20 โรง แต่เราจะคัดเลือกโรงที่ดีที่สุด ซึ่งเราคาดว่าจะใน 3-5 ปี เราจะมีโรงไฟฟ้าทั้งหมด 5 โรง ซึ่งหวังว่าหลังจากนี้เราจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 80-90% ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ที่จะขายด้วยว่าอยากขายให้เราเท่าไหร่"นายประเสริฐ กล่าว
อนึ่ง เมื่อสัปดาห์ก่อนคณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้เพิ่มทุน 800 ล้านหุ้น เพื่อระดมทุนใช้ซื้อหุ้น 45% คิดเป็นมูลค่า 140 ล้านบาทในบริษัท เวลล์ โคราช เอ็นเนอร์ยี จำกัด ผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ใช้เปลือกไม้ และเศษไม้เป็นวัตถุดิบ มีกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ได้รับสัญญาขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) จำนวน 8 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 5 ปี ต่อสัญญาได้ครั้งละ 5 ปี โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์(COD) เมื่อเดือนก.ค.58 คาดว่าแต่ละเดือนจะทำรายได้ราว 20 ล้านบาท ซึ่งในปีหนึ่งๆ จะมีการหยุดเดินเครื่องเพื่อบำรุงรักษาราว 30 วัน
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/58 จะเป็นช่วงที่ดีที่สุด เนื่องจากจะมีรายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างเข้ามาราว 100-150 ล้านบาท และเป็นช่วงปลายปีที่เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวที่คาดว่าจะช่วยให้ยอดเติมก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ส่วนในปีหน้าคาดว่ารายได้จะทรงตัวจากปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุน แต่อย่างไรก็ตามบริษัทก็ยังมีการเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขายก๊าซ LPG ก็น่าจะยังทรงตัวจากปีนี้
"ปีหน้ารายได้คงจะยังไม่ไปไหน คงจะทรงตัวอยู่ใกล้เคียงกับปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้งานก่อสร้างหายไป และยอดขายก๊าซฯที่ไม่ขยายตัวหลังราคาน้ำมันดิ่งลงในช่วงปลายปีที่ผ่านมาทำให้รายได้ของเราไม่ได้ขยายตัว ซึ่งสัดส่วนรายได้จาก LPG ยังถือว่ามากที่สุด ขณะที่ในส่วนธุรกิจไฟฟ้าเองก็จะมีผลประกอบการเข้ามาเป็นกำไรสุทธิทันที"นายประเสริฐ กล่าว